ประเทศไทยเผชิญปัญหาร้ายแรงจากอาหารเหลือทิ้ง คิดเป็น 64% ของขยะทั้งหมด โดยคนไทยทิ้งอาหารเฉลี่ย 254 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป (Central Food Group) ผู้นำธุรกิจเชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของไทย ให้ความสำคัญและเดินหน้าแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
โดยจับมือกับสมาร์ทเวย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการอาหารเหลือทิ้ง นำร่องทดสอบโซลูชั่นการจัดการอาหารเหลือทิ้งด้วยระบบดิจิทัลที่ร้านท็อปส์ 5 สาขา ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
โครงการนำร่องนี้มีกำหนดเริ่มในไตรมาสที่สองของปี 2567 โซลูชันของสมาร์ทเวย์ (Smartway) ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการขับเคลื่อน ช่วยให้ทีมงานในร้านสามารถระบุสินค้าใกล้หมดอายุ กำหนดกลยุทธ์การลดราคา 20-40% และวางแผนการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งส่งผลดีต่อลูกค้า ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง ถือเป็นโครงการริเริ่มครั้งแรกในประเทศไทย
การใช้ AI ในการแก้ปัญหาปัญหาอาหารเหลือทิ้ง
ในขณะที่เราต้องเผชิญกับปัญหาของสินค้าในร้านค้าที่เหลือทิ้งจำนวนมาก ยังมีประชาชนอีกนับล้านคนเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป จึงผนึกกำลังกับสมาร์ทเวย์ บริษัทที่มีประสบการณ์การในการจัดการกับอาหารเหลือทิ้งร่วมกับธุรกิจค้าปลีกชั้นนำมากกว่า 12 ปี เพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว
ปัจจุบันมีร้านค้าปลีกกว่า 2,000 แห่งทั่วโลกที่นำระบบจัดการอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste Management System) ของสมาร์ทเวย์ไปใช้ ระบบนี้ใช้ปัญญาประดิษฐ์รูปแบบเฉพาะ ช่วยให้ทีมงานในร้านสามารถบริหารจัดการอาหารเหลือทิ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์คือสามารถป้องกัน
การสูญเปล่าของสินค้าไปแล้วกว่า 250 ล้านรายการ
ระบบโซลูชันจากสมาร์ทเวย์ถูกนำไปใช้งานในร้านค้าของ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ระบบนี้ทำงานโดย
– ตรวจจับสินค้าที่ใกล้หมดอายุโดยอัตโนมัติด้วยระบบ “GPS Short Date”
– กำหนดช่องทางการรีไซเคิลที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละสินค้า
– ลดราคาสินค้าผ่านการพิมพ์ฉลากเฉพาะสำหรับแต่ละสินค้าโดยอัตโนมัติ
– เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการสั่งซื้อผ่านการนำระบบดิจิทัลมาใช้
โซลูชัน AI จะทำให้ทุกภาคส่วนได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ร้านค้าปลีกได้ลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง เพิ่มรายได้ให้กับร้านค้า พนักงานจะสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 4 เท่า ด้วยคำแนะนำในการจัดการสินค้าใกล้หมดอายุ ส่วนลูกค้าก็จะได้รับประโยชน์ด้วยทางเลือกในการซื้อสินค้าลดราคาที่หลากหลายมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มกำลังซื้อ
ลดปัญหาขยะอาหารลง 30%
เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามเจตนารมย์การเป็น “Green & Sustainable” และตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในการสร้างความยั่งยืนแห่งอุตสาหกรรมค้าปลีกในภูมิภาคเอเชีย โดยมีเป้าหมายอันท้าทาย ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 สนับสนุนผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงนำระบบการจัดการขยะมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารลง 30% ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา
บริษัทได้ดำเนินโครงการ “Food For Good Deed อาหารปันสุข” เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและลดปริมาณอาหารส่วนเกิน โครงการนี้ได้แจกจ่ายอาหารส่วนเกินที่ยังคงคุณภาพจากร้านค้า 129 สาขาของท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ เดลี่ รวมถึงจากศูนย์กระจายสินค้าสดของบริษัท ให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน ปัจจุบันโครงการนี้ได้แจกจ่ายอาหารกว่า 5 ล้านมื้อให้แก่ชุมชนกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพ Jaikla ในการนำอาหารที่ไม่สามารถจำหน่ายได้ เพื่อนำไปเป็นอาหารสำหรับแมลง และนำมาแปรรูปต่อเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง จำหน่ายในร้านท๊อปส์ อีกทั้งยังนำระบบสมาร์ทเวย์มาใช้เพื่อจัดการขยะอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ และนำอาหารส่วนเกินมาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ ด้วยความร่วมมือกับสมาร์ทเวย์ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ได้สร้างมิติใหม่ในการต่อสู้กับปัญหาขยะอย่างจริงจัง
มร.สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจเชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เราตระหนักถึงความรับผิดชอบ ในการเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการต่อสู้กับปัญหาขยะอาหาร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของแนวทางด้านสิ่งแวดล้อม เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นเชนซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในประเทศไทยที่นำโซลูชันจากสมาร์ทเวย์มาใช้ ซึ่งจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายตามวิสัยทัศน์ ‘Green & Sustainable Retail‘ ซึ่งมุ่งสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593”
ด้าน มร.พอล-อาดริยอง และ มร.คริสโตฟ เมเนซ ผู้ร่วมก่อตั้ง Smartway กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกจาก Central Food Group ให้เป็นพันธมิตรในการต่อสู้กับปัญหาอาหารเหลือทิ้ง ความร่วมมือครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวโซลูชันของเราสู่ตลาดเอเชีย หลังจากประสบความสำเร็จในทวีปยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการเติบโตของบริษัทฯ อีกด้วย บริษัทสมาร์ทเวย์ รู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมของห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งนี้”