กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) จัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 สุดยอดการประชุมสัมมนาด้าน ESG โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง ESG ให้กับลูกค้าธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่สนใจ สร้าง ESG Ecosystem ที่แข็งแรง มุ่งสนับสนุนภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้เกิดความยั่งยืนในระดับประเทศ และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
มร.เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่สี่ (2024-2026) กรุงศรี มีเป้าหมายสู่การเป็น Sustainable Bank หรือ “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” ผ่านกรอบ ESG หรือการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงมิติทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนของภาคธุรกิจ โดยตั้งกรอบวงเงินสำหรับใช้สนับสนุนที่เกี่ยวเนื่องกับความยั่งยืนไว้ที่ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2030 จากปัจจุบันให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านรวมกันไปแล้วกว่า 7.1 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 2021-2023 ที่ผ่านมา
“สำหรับเป้าหมายในการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนของกรุงศรี ได้วางเป้าหมาย Net zero จากการดำเนินงานภายในกระบวนการของธุรกิจของธนาคารเอง (สโคป 1 และ 2) ภายในปี 2030 และการเป็น Net zero ตลอดทั้งซัพพลายเชน ภายในปี 2050 ซึ่งความท้าทายอยู่ที่การเปลี่ยนผ่านให้กลุ่มผู้ประกอบการในพอร์ตโฟลิโอ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือ SME ให้มีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยทางกรุงศรี ได้ใช้จุดแข็งจากเครือข่ายความร่วมมือระดับโลกของ MUFG เพื่อผสมผสานองค์ความรู้และกลยุทธ์ทั้ง Global และ Local ของกรุงศรี เพื่อพัฒนาเป็นโซลูชันและครื่องมือทางการเงินที่สร้างสรรค์นำเสนอสู่ตลาดประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาและเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ริเริ่มพัฒนาระบบนิเวศ Krungsri MUFG ESG Ecosystem ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนให้ภาคธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์มากกว่า 20 ราย ในการพัฒนาเครื่องมือและโซลูชัน เช่น การช่วยเหลือลูกค้าในการวัดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินท์ที่เกิดขึ้นในธุรกิจต่างๆ เพื่อช่วยลูกค้าวิเคราะห์ และวางแผนด้าน Decarbonization ในธุรกิจหรือกิจการของตัวเอง รวมทั้งการมีเครือข่ายอยู่ใน Carbon Markets Club ที่ลูกค้าสามารถคอนเน็คผ่านเครือข่าย เพื่อเป็นอีกหนึ่งจุดสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ Green Economy ได้แบบ One Stop และตอกย้ำความเชี่ยวชาญของธนาคารในฐานะผู้นำด้าน ESG Finance
“ปีที่ผ่านมา กรุงศรีตั้งหน่วยงาน EFD (ESG Finance Department) เพื่อปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่าย MUFG ในกาารให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเงินเพื่อความยั่งยืน รวมถึงให้คำแนะนำปรึกษาแก่ลูกค้าธุรกิจเพื่อช่วยวางแผนช่วงเปลี่ยนผ่านให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก สอดคล้องกับเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและพันธกิจของ MUFG ในการสร้างอนาคตที่สดใส (Committed to Empowering a Brighter Future) ด้วยการผลักดันการดำเนินงานด้านความยั่งยืน การเป็นธนาคารที่มีความรับผิดชอบ และพัฒนาชุมชน ซึ่ง MUFG ได้ร่วมให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กลไกเพื่อการเปลี่ยนผ่าน และบทบาทของภาคการเงินในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเอเชีย บนเวที COP28 พร้อมนำเสนอรายงานสมุดปกขาว (MUFG Asia Transition White Paper 2023) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านการเงินในการสนับสนุนการลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมพลังงานในประเทศไทย”
นอกจากนี้ กรุงศรียังพบว่า กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก หรือ SME ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความท้าทายอย่างมากในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่าน จากการสำรวจพอร์ตลูกค้า SME ของธนาคารจำนวน 700 ราย พบว่า มีเพียงไม่ถึง 30% ที่มีความเข้าใจและมองว่าเรื่อง ESG มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจของตัวเองในอนาคต และมีเพียงแค่ 14% เท่านั้น ที่มองว่าธุรกิจของตัวเองมีความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านเพื่อขับเคลื่อนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ดังนั้น ทั้งความตระหนักรู้ และความพร้อมของกลุ่ม SME ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สูงมาก จึงเป็นหน้าที่ของกรุงศรี ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจระดับประเทศ และการดูแลกลุ่ม SME ในการเปลี่ยนผ่านเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต ผ่าน 2 แนวทางสำคัญ คือ การสนับสนุนผ่านผลิตภัณฑ์ Transition Loan เพื่อการปรับตัวของธุรกิจให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม Jouney to ESG ของกลุ่ม SME อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกรุงศรีได้มีการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมให้ความรู้ต่างๆ รวมทั้งการขับเคลื่อน Krungsri ESG Academy อย่างเป็นรูปธรรม และการมอบรางวัล ESG Awardsให้กับ SME ที่มีความโดดเด่นในการขับเคลื่อนนโยบายด้านความยั่งยืน เป็นต้น
ล่าสุด กรุงศรี และ MUFG จัดสัมมนา Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 เพื่อเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมร่วมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นเวทีอัปเดตสถานการณ์และการขับเคลื่อนเรื่อง ESG และเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากผู้ที่มีบทบาทในการตัดสินใจเชิงนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนช่วยขยายโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างพันธมิตรในการต่อยอดด้าน ESG พร้อมพาธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง ทั้งในเชิงนโยบายผ่าน เวที Net Zero World ซึ่งฉายภาพทิศทางของโลกเรื่องการสร้างความยั่งยืน และวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งแนวทางการสร้างความยั่งยืนขององค์กรขนาดใหญ่ของไทย จากวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญ และในเชิงการขับเคลื่อนผ่าน เวที Transition in Action เพื่อร่วมจุดประกายการทำธุรกิจตามแนวทาง ESG ให้แก่ผู้ประกอบการ พร้อมนิทรรศการ Road to Sustainability ฉายภาพแนวคิดและเส้นทางสู่ความยั่งยืนที่ครอบคลุมในทุกมิติ
ด้าน มร. ริชาร์ด ยอร์ก, Executive Officer & Head of Global Corporate & Investment Banking, Asia Pacific, MUFG Bank กล่าวว่า แผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ MUFG ตั้งเป้าสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนจากเดิม 35 ล้านล้านเยน เป็น 100 ล้านล้านเยน ภายในปี 2030 สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันต่างๆ เพื่อร่วมแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน และมุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นหนึ่งบทบาทสำคัญของ MUFG ในฐานะสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และสถาบันการเงินชั้นนำอันดับ 7 ของโลกด้านสินทรัพย์ ที่มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรฐกิจของโลก
“การจัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium จะช่วยหยั่งรากฐานที่แข็งแรงให้ธุรกิจในทุกระดับตั้งแต่ SME จนถึงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ให้พร้อมที่จะลงมือสร้างแผนการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นองค์กรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจากการเข้าร่วมงานของธุรกิจมากมายในวันนี้ ถือเป็นอีกภาพสะท้อนที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหาระดับโลกอย่างเร่งด่วนแท้จริง และเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม MUFG’s Net Zero World หรือ MUFG NoW ที่จัดขึ้นในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม การจัดงานดังกล่าวจะช่วยจุดประกายพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อเร่งดำเนินการสู่เป้าหมาย Net Zero ในระดับโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดในโลก ซึ่งก็แลกมาด้วยการเผชิญกับภาวะการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเช่นกัน”