CPAC Green Solution ต่อยอดนวัตกรรมใช้ปูน Low Carbon เป็นวัสดุสำหรับเทคโนโลยี 3D Concrete Printing (คอนกรีต 3 มิติ) รายแรกของโลก ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 27% เทียบเท่าปลูกต้นไม้ 7 ต้น
หลังศึกษาพัฒนานวัตกรรมด้าน 3D Printing มากว่า 10 ปี รวมทั้งเริ่มนำร่องขยายตลาดในเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2021-2022 ปัจจุบัน CPAC Green Solution สามารถพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ให้ตอบโจทย์ได้ทั้ง Green Product, Green Process, Green Construction และ Green Society และสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายผ่าน 4 ตลาดที่มีโอกาสเติบโตในประเทศไทย ประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคาร (Construction) งานแลนด์สเคปตกแต่งพื้นที่ (Landscape & Sculpture) งานเฟอร์นิเจอร์และดีไซน์ (Decoration) และกลุ่มบ้านปลา หรือปะการังเทียม (Coral Reef)
คุณกัลยา วรุณโณ Green Solution and New Business Marketing Director ในธุรกิจ Cement and Green Solution Business ภายใต้ SCG เปิดเผยว่า CPAC Green Solution ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้าง เพื่อสิ่งแวดล้อมครบวงจร กล่าวว่า ปัจจุบัน CPAC ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยสามารถพิมพ์งานก่อสร้างอาคาร 2 ชั้นได้เป็นครั้งแรกของเอเชีย รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์บ้านโมดูลระหว่าง PPVC + 3D Printing เป็นรายแรกของโลก
“เราเห็นโอกาสที่จะเข้ามาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างของเมืองไทย จึงริเริ่มพัฒนานวัตกรรมก่อสร้าง รูปแบบใหม่ CPAC 3D Printing Solution จาก 3D Concrete Printing ตั้งแต่ปี 2014 เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง นักออกแบบ ไปถึงเจ้าของบ้าน กระทั่งปัจจุบันบริษัทฯ ก็ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยความพิเศษของนวัตกรรมดังกล่าว คือ ความสามารถในการก่อสร้างรูปทรงได้อย่างฟรีฟอร์มหรือที่เรียกว่า Parametric Design ช่วยให้การก่อสร้างผนัง ที่มีความโค้งและลวดลายพลิ้วไหวได้อย่างเป็นอิสระตามความต้องการ ซึ่งรูปแบบนี้การก่อสร้างในปัจจุบันยังทำได้ค่อนข้างยาก โดยที่ผ่านมาค่อนข้างได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี”
ล่าสุด ยังเป็นรายแรกของโลกในฐานะผู้พัฒนาเทคโนโลยี 3D Concrete Printing (คอนกรีต 3 มิติ) ที่นำปูน Low Carbon มาใช้เป็นวัสดุในการขึ้นรูปชิ้นงาน ทำให้งาน 3D Printing ของ CPAC มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นโอกาสในการขยายตลาดและการเติบโตได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาด Construction ของต่างประเทศ ที่ต้องการทั้งนวัตกรรมที่รักษ์โลก และหลายประเทศที่มีค่าแรงการก่อสร้างในระดับสูง จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดได้ค่อนข้างมาก
สำหรับความพิเศษของปูน Low Carbon คือ ทุก 1 ตันจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 27% หรือประมาณ 65 kg CO2 เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 7 ต้น เมื่อเทียบกับปูนสูตรปกติ ซึ่งเราเป็นผู้ผลิตรายแรกของเมืองไทยและนำมาต่อยอดในงานพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาปูนเฟสใหม่ที่ลดคาร์บอนลงได้มากขึ้น ประกอบกับจุดเด่นของเทคโนโลยี 3D Printing ของ CPAC เมื่อเทียบกับการก่อสร้างแบบเดิม (ก่ออิฐ ฉาบปูน) ที่เหนือกว่าทั้งความเร็ว ที่มากกว่าถึง 6 เท่า ไม่สร้างขยะและมลพิษในพื้นที่ก่อสร้าง จากปกติที่งานก่อสร้างท่ัวไปจะเกิด Waste ราว 20% หรือลดลงได้มากกว่า 95% นอกจากนี้ยังแแข็งแรงกว่า และออกแบบชิ้นงานได้อย่างอิสระ ขณะที่ต้นทุนในการก่อสร้างที่ถือว่าคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของแรงงานที่ใช้น้อยลงประมาณ 50% (ไม่รวมงานฐานราก) รวมทั้งมีอุณหภูมิภายในอาคารที่เย็นกว่าภายนอกราว 5-10 องศา จึงเป็นนวัตกรรมที่ทั้ง Eco-friendly รวมทั้ง Energy Saving อีกด้วย
สำหรับแผนการขยายตลาดในประเทศไทย จะมุ่งเพิ่มลูกค้าใน 4 กลุ่มหลัก รวมทั้งขยายกลุ่ม Applicator หรือกลุ่มที่ต้องการซื้อเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กสำหรับไปผลิตชิ้นงานเอง เช่น กลุ่มปะการัง โดยหน่วยงานภาครัฐ หรือท้องถิ่น ที่ต้องการดูแลธรรมชาติในพื้นที่ ไปจนถึงภาคเอกชนที่มีการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์และสร้างบ้านปลา รวมทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์หรืองานตกแต่ง ที่ต้องการขนาดชิ้นงานสูงไม่เกิน 1.5 เมตร เพื่อนำไปตกแต่งสถานที่สำหรับเป็นจุดแลนด์มาร์กต่างๆ เป็นต้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มนี้ราว 10% ส่วนงานด้าน Construction จะเน้นตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนในประเทศไทยจะเน้นตลาดกลุ่ม Comercial หรือผู้ให้บริการต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือกลุ่มงานสถาปัตยกรรมที่ต้องการสร้างความโดเด่นให้อาคาร เพื่อเป็นแลนด์มาร์กหรือจุดเช็กอินของพื้นที่ต่างๆ เป็นต้น
“ปีนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ตามแนวคิดการดำเนินงาน “A PART OF YOUR SUCCESS: เคียงข้างทุกความสำเร็จของคุณ” ทั้งในกลุ่ม Decoration กลุ่มงานตกแต่งด้วยดีไซน์ที่แตกต่างอย่างมีสไตล์, Landscape & Sculpture กลุ่มงานประติมากรรมที่สามารถรังสรรค์พื้นที่ให้เป็น ICONIC แห่งอนาคต, Construction กลุ่มงานก่อสร้าง กับการก่อสร้างอาคาร 2 ชั้นครั้งแรกของเมืองไทย และ Coral Reef กลุ่มงานเพื่อฟื้นฟูแนวปะการังใต้ทะเล และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมทั้งการมุ่งพัฒนาปูนซีเมนต์ที่ลด Carbon Emission ได้มากขึ้น เพื่อเป้าหมายสู่ Net Zero ในปี 2050 พร้อมเดินหน้าพัฒนาและวิจัยสินค้าให้มีความหลากหลาย และมีคุณสมบัติครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตตามแนวทางของความยั่งยืน”