กรีนพีซ ประเทศไทย วิพากษ์นโยบายบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) หรือเครือซีพี ยังไม่เพียงพอในการต่อกรกับวิกฤตมลพิษพลาสติก
ขี้การดำเนินงานส่วนใหญ่ เน้นจัดการพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use) ที่ปลายทาง เชื่อไม่สามารถแก้ปัญหามลพิษพลาสติกที่ต้นเหตุได้ พร้อมเสนอข้อเรียกร้องให้ลด ละ เลิก การผลิตและใช้ บรรจุภัณฑ์พลาสติก Single-use ตลอดห่วงโซ่การผลิต หากต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามที่ตั้งไว้
กรีนพีซ ประเทศไทย เผยแพร่รายงาน “CP’s Plastic Pollution Unmasked” สะท้อนไปยังเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ เครือซีพี เพื่อให้เปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อกรกับวิกฤตมลพิษพลาสติก เริ่มจากจัดการพลาสติกที่ต้นทางอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ผ่านนโยบายที่เน้นการลดใช้ (Reduce) ส่งเสริมระบบใช้ซ้ำ (Reusable) และการเติม (Refill)
คุณพิชามญชุ์ รักรอด หัวหน้าโครงการยุติมลพิษพลาสติก กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เครือซีพี เป็นบริษัท FMCG รายใหญ่ของประเทศและในระดับโลก จึงต้องมุ่งมั่นลดรอยเท้าพลาสติก (Plastic Footprint) นำเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนให้ ผู้บริโภคผ่านระบบการใช้ซ้ำ เติมสินค้า หรือการพัฒนาระบบยืมคืนเพื่อใช้ซ้ำ หมุนวนภาชนะ และยกเลิกการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อสร้างผลสะเทือนในเชิงบวก พร้อมทั้งดำเนินการให้ครบทั้งวงจรชีวิตของพลาสติก ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกวัสดุต้นทางหรือมีระบบเก็บกลับเท่านั้น
ทั้งนี้ กรีนพีซ ประเทศไทย ได้ระบุข้อมูลจากการสำรวจ ซึ่งเผยแพร่ไว้ในรายงาน เช่น
– เครือซีพีมีทั้งธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งผลิตภัณฑ์อาหารเป็นอันดับ 1 ของไทย รายได้รวมกว่า 23,000 ล้านบาทในปี 2565 ในกระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมาพร้อมบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยรายงานความยั่งยืนปี 2565 เครือซีพีใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมด 125,066 ตัน หรือ 10.4% ของปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่จำหน่ายในประเทศ (1,197,942 ตัน) แม้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ยังมีอัตราการเติบโตของธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญต่อวิกฤตมลพิษพลาสติก
– เครือซีพีออกนโยบายบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Sustainable Packaging Policy) ในปี 2561 โดยกำหนดให้ทุกกลุ่มธุรกิจกำหนดเป้าหมายร่วมกันคือ 100% ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้จะต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือ นำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือสามารถย่อยสลายได้ (Compostable) ภายในปี 2568 สำหรับกิจการในประเทศไทย และภายในปี 2573 สำหรับกิจการในต่างประเทศ
- การเก็บขยะและสำรวจแบรนด์สินค้าจากขยะพลาสติก (Brand Audit) ปี 2561-2565 กรีนพีซ พบบรรจุภัณฑ์ของเครือซีพีในสิ่งแวดล้อมมากเป็นอันดับหนึ่งในประเภทแบรนด์ไทย สะท้อนว่าแม้มีนโยบายด้านบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ แต่หากไม่มีระบบเก็บกลับเพื่อนำไปจัดการอย่างถูกต้องและป้องกันไม่ให้หลุดออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือมีระบบติดตามบรรจุภัณฑ์ของบริษัทหลังการใช้งานเพื่อให้ทราบเส้นทางของขยะและอัตราการรีไซเคิลที่แท้จริง ก็จะยังคงพบปัญหาบรรจุภัณฑ์พลาสติกตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก
– ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เครือซีพีมีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นฟิล์ม ซอง หรือถุงที่ผลิตจากพลาสติกหลายชนิด (multi-material) ถาดโฟมที่ผลิตจากพลาสติก PS และฟิล์ม PVC ซึ่งไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ แม้ว่าตามหลักการ The Resin Identification Codes จะระบุว่าวัสดุตั้งต้นดังกล่าวสามารถรีไซเคิลได้ก็ตาม เพราะในประเทศไทยยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอและระบบจัดการอย่างถูกต้อง รวมถึงหากวัสดุมีการปนเปื้อน ก็ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้
– ด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์พลาสติก เครือซีพียังคงพึ่งพาการนําขยะพลาสติกไปเผาเป็นพลังงาน (Waste-to-Energy, WtE) ซึ่งไม่ควรนับเป็นส่วนหนึ่งของหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เนื่องจากไม่ได้ทําให้วัสดุหมุนเวียนเข้าสู่ระบบได้จริง โดยจุดจบของวัสดุคือการเผาทําลาย การเผาพลาสติกทําให้เกิดมลพิษทางอากาศ เถ้าหนัก (Bottom ash) เถ้าลอย (Fly ash) และขี้เถ้า/ตะกรันในหม้อต้มน้ำ (boiler ash/slag) ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และโลกด้วยการปล่อยสารระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ สารไดออกซิน/ฟิวแรน (Dioxin/Furan) ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง โลหะหนัก เช่น ปรอท แคดเมียม และตะกั่ว และก๊าซเรือนกระจกซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
กรีนพีซ ประเทศไทย ได้เสนอให้เครือซีพี ขับเคลื่อน 4 ข้อเรียกร้องต่อไปนี้ ภายในปี 2573 ประกอบด้วย
1.ออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยไม่พึ่งพาพลาสติกหรือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง 100%
2. พัฒนาระบบยืมคืน มัดจำภาชนะ และริเริ่มระบบเติมสินค้าเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการลดพลาสติก 100%
3. ลด “บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้” ให้อยู่ในระดับเทียบเท่าปี 2561
4. หลีกเลี่ยงการแก้ปัญหาที่ผิดพลาด (false solution) เช่น การเผาขยะผลิตไฟฟ้าและพลาสติกชีวภาพ
พร้อมทั้ง 4 ข้อเสนอที่เชื่อว่าทางเครือซีพี จะสามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อรับมือต่อวิกฤตมลพิษพลาสติก ประกอบด้วย
1. งดแจกถุงและหลอดในร้านสะดวกซื้อทุกสาขาทั้งที่ดำเนินการโดยเครือซีพี และสาขาในเครือทั้งหมด
2. รับแก้วและกล่องส่วนตัวของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ
3. รับคืนบรรจุภัณฑ์พลาสติกหลังการใช้งานของผลิตภัณฑ์ในเครือทั้งหมดมิให้เล็ดลอดออกสู่สิ่งแวดล้อม
4. ติดตามตรวจสอบปริมาณขยะพลาสติกที่บริษัทรับกลับคืนเพื่อนำมาวิเคราะห์ต้นทุนภายนอกและนำไปสู่การออกแบบนวัตกรรมที่จะช่วยลดบรรจุภัณฑ์พลาสติก