ครองตำแหน่ง King of Retail ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีก ด้วยรูปแบบมัลติฟอร์แมท มัลติเซ็กเม้นต์ มัลติมาร์เก็ต ที่มีฐานธุรกิจอยู่ทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี พร้อมด้วยฐานลูกค้า Loyalty Customer อีกมากกว่า 30 ล้านคน
ขณะที่โลกกำลังก้าวสู่ Era of AI การปรับตัวของธุรกิจเพื่อรักษาเติบโตไว้ได้อย่างยั่งยืนมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้นำที่จำเป็นต้องขยับให้เร็วเท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เร่งสปีดมากขึ้น มาพร้อมความผันผวนที่คาดเดาได้ยากกว่าเดิม และการดิสรัปของเทคโนโลยีที่แอดวานซ์แบบทวีคูณ รวมไปถึงปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่กลายเป็นอีกหนึ่ง Agenda ของโลก
ทำให้การเติบโตของ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ หรือ CRC นับจากนี้ไป จำเป็นต้องรักษาไว้ซึ่งการเติบโตในฐานธุรกิจเดิม รวมท้ัง Create New Growth ในน่านน้ำใหม่ๆ จึงไม่สามารถยิ่งใหญ่อยู่เพียงแค่ในธุรกิจค้าปลีก แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกมเดินให้ Beyond Retail เพื่อสร้างการเติบโตที่สอดรับกับโลกในยุค Intelligence ผ่านวิสัยทัศน์ CRC OMNI-intelligence เพื่อรักษาความเป็นผู้นำทั้งในตลาดค้าปลีกและตลาดใหม่ๆ ที่จะขยายเพิ่มไปในอนาคต
คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉายภาพการเติบโตของ CRC ในปี 2023 ที่รักษาความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกไว้ได้ในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดไลน์ (บ้านและวัสดุก่อสร้าง) แฟชั่น พร็อพเพอร์ตี้ (ไลฟ์สไตล์มอลล์) และธุรกิจฟู้ดรีเทล ที่ทุกกลุ่มมีการขยายสาขาเพิ่มเติมและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอาหารที่สามารถขยายลูกค้าจากแค่กลุ่ม End User หรือ B2C มาสู่กลุ่ม Horeca หรือ B2B เพิ่มเติมได้ด้วย
เช่นเดียวกับในประเทศเวียดนาม ที่ใช้โมเดลมัลติฟอร์แมท มัลติเซ็กเม้นต์ ทำให้ GO! ขึ้นเป็นผู้นำทั้งตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต และ Family Mall รวมทั้งมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง และเตรียมขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้ ขึ้นแท่นเป็น King of Market และ King of Mall เช่นเดียวกับในประเทศไทย ขณะที่รีนาเซ็นเต้ (Rinascente) ในอิตาลี ก็สามารถทำยอดแตะ 1 พันล้านยูโรได้ในปีที่ผ่านมา ขึ้นแท่น King of Luxury เป็นจุดหมายสำหรับตลาดลักซ์ชัวรี่ให้กับทั้งคนในอิตาลี และยุโรปรวมท้ังนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
“แม้ปีที่ผ่านมาซีอาร์ซีจะแข็งแกร่งทั้งในมิติของการขยายตัวของธุรกิจ ยอดขาย และการได้รับการยอมรับในการทำธุรกิจที่คำนึงถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะบริษัท TOP4 ที่ติดอันดับความยั่งยืนของ DJSI ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก แต่ความท้าทายที่จำเป็นต้องรับมือในปีนี้ ทำให้ซีอาร์ซีต้องปรับตัวเพื่อต้านกระแสทั้งความผันผวนต่างๆ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลก การพัฒนาของเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นที่กังวลของหลายๆ ฝ่าย รวมทั้งการมีส่วนช่วยรับมือปัญหาสภาพอากาศเพื่อร่วมยุติการเกิดวิกฤตสภาพอากาศก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อโลกจนไม่สามารถควบคุมได้”
ทรานส์ฟอร์มสู่ CRC OMNI-Intelligence
CRC จึงได้ประกาศวิสัยทัศน์ CRC OMNI-Intelligence ด้วยการนำ AI ผสานเข้ากับทุกกระบวนการของธุรกิจ ทั้งการสร้าง Next-Gen Omnichannel เพื่อสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค ทั้งการมีแพลตฟอร์มที่แข็งแรงทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ รวมทั้งการเติมเต็มอีโคซิสเต็มให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จากการขยายกลุ่มเป้าหมายจาก B2C ไปสู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งการผสาน AI เข้ากับ HI (Human Intelligence) หรือการเติม CRC DNA ที่ทำให้คนของซีอาร์ซีมีศักยภาพและมีความเป็นยูนีคที่แตกต่าง เพื่อสร้างพนักงานที่มีประสิทธิภาพและมีความเชี่ยวชาญในเนื้องานได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการขับเคลื่อนธุรกิจที่มุ่งสร้าง Positive Impact ครอบคลุมได้ทุกมิตไม่ว่าจะเป็น Profit Planet และ People เพื่อให้สามารถเติบโตร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ซีอาร์ซี จะใช้กลยุทธ์ 5R เพื่อมุ่งสู่ CRC OMNI-Intelligence ซึ่งประกอบไปด้วย
1. Revolutionise Core Strength คือ การยกระดับความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักใน Multi-Format, Multi-Category และ Multi-Market โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง รวมถึงการยกระดับเรื่อง Synergy และการทำ M&A เพื่อเพิ่ม Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจ
2. Reinforce Financial Resilience คือ การทำให้สถานภาพทางการเงินมีความแข็งแกร่ง และมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และมีความยืดหยุ่นทางด้านการเงิน บนหลักการบริหาร 3C (Cash, Cost, Capex)
3. Reinvent Beyond Retail คือ การต่อยอดธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจค้าปลีก เช่น การเข้าไปเป็นส่วนสำคัญใน Community ต่างๆ ในแต่ละ Category เพื่อสร้าง Network และ Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล รวมถึงการขยายอีโคซิสเต็มจาก B2C สู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้า Scale up อย่างต่อเนื่อง
4. Reimagine Human Capital คือ การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ด้วยการรวม Intelligence ของ AI และ HI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อขยายขีดความสามารถในการทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และการเพิ่มประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มออมนิแชแนลแบบทวีคูณ
5. Rally Green Impact คือ การยกระดับการทำ Green Transition ด้วยการผนึกกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน ลูกค้า และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ มาร่วมมือกันแก้ปัญหา Climate Change เพื่อไม่ให้ไปสู่ Climate Crisis โดยการลดการใช้พลังงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโลกสีเขียว เพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง
“ปัจจุบัน CRC ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ในเพียงธุรกิจค้าปลีกเท่านั้น แต่จะใช้ความแข็งแรงที่มี ขยายทั้งแพลตฟอร์มและอีโคซิสเต็ม เพื่อสร้าง New Growth โดยเฉพาะการ Beyond Retail ที่จะสามารถสร้าง Deep Engagement กับลูกค้าด้วยรูปแบบของการสร้าง Community เพื่อเป็นได้มากกว่าแค่ผู้ขายสินค้าแต่เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ใน Community เดียวกัน ผ่านการ Associate ภายในอีโคซิสเต็ม เช่น ธุรกิจซูเปอร์สปอร์ต ที่จะเข้าไปสร้างคอมมูนิตี้ระหว่างผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา หรือกับนักกีฬาในกลุ่มต่างๆ หรือในธุรกิจอาหารอย่าง Go Wholesale ที่กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นเชฟ ก็จะเข้าไปสร้างคอมมูนิตี้กับกลุ่มเชฟ หรือคนที่ชื่นชอบการทำอาหาร รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งเพื่อดึงโกลบอลแบรนด์เข้ามาลงทุนในประเทศไทยและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอีโคซิสเต็มของธุรกิจ ที่นอกจากมีความแข็งแรงทั้งในเชิง Physical Store ผ่านแพลตฟอร์มทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และออมนิชาแนลแล้ว ยังมีคอมมูนิตี้ที่แข็งแรงอีกด้วย”
สำหรับเป้าหมายในปี 2024 ซีอาร์ซี ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องได้ 11% พร้อมสร้างกำไรได้ 15-17% ภายใต้งบลงทุน 2.2 – 2.4 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนขับเคลื่อนในแต่ละกลุ่ม อาทิ กลุ่มแฟชั่น มีแผนเพิ่ม 2 สาขาใหม่ และรีโนเวท 4 สาขา รวมทั้งการยกระดับชิดลมให้เป็น World Class Luxury Destination สำหรับกลุ่มฟู้ด ในประเทศไทยจะเดินหน้าขยาย Go Wholesale เพิ่ม 7 สาขา รวมทั้งขยาย Tops 10 สาขา ส่วนเวียดนามจะขยายไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! 3 สาขา และมินิโก (go!) อีก 9 สาขา ด้านกลุ่มฮาร์ดไลน์ จะขยายไทวัสดุ 9 สาขา รีโนเวทอีก 4 สาขา และทรานส์ฟอร์มเหงียนคิมในเวียดนามให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ส่วนกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มีแผนพัฒนาและอัพเกรดโรบินสันต่อเนื่อง พร้อมขยายศูนย์การค้า GO! ในเวียดนามอีก 3 สาขา โดยตั้งเป้า 42 สาขาภายในปี 2024 ให้มีสาขาครอบคลุม 42 จังหวัด จาก 63 จังหวัดท่ัวประเทศ
มุ่งสร้าง Positive Impact พร้อมเร่ง Green Transition
เพื่อตอกย้ำ Brand Purpose ในการเป็น ‘Central To Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคนตลอดไป’ CRC จึงให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ผ่านปรัชญา CRC Care ที่มุ่งดูแลทุกภาคส่วนภายในระบบนิเวศธุรกิจให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งเศรษฐกิจ พันธมิตร ลูกค้า ชุมชน สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาลในธุรกิจ รวมทั้งผู้คนโดยรอบ เช่น การยกระดับเมืองรอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้เศรษฐกิจไทย, การยกระดับชุมชนและสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการที่ทำอย่างต่อเนื่อง, การยกระดับความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ และซัพพลายเออร์ เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลทุกภาคส่วนให้เติบโตร่วมกันทั้งอีโคซิสเต็ม
ทั้งนี้ Positive Impact ที่ CRC ขับเคลื่อนได้ในระบบนิเวศธุรกิจ ตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย
– การใช้พลังงานทดแทน หรือ Renewable ได้แล้วสัดส่วน 15.7% โดยในปีนี้มีแผนลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากฟอสซิลลงอีก 20-40% ผ่านงบประมาณสำหรับการลงทุนในส่วนนี้ราว 500 ล้านบาท
– พัฒนาร้านค้าภายในระบบนิเวศ ให้เป็น Green Store 76 แห่ง และในปีนี้จะเพิ่มการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้ 30%
– ลดขยะในธุรกิจโดยเฉพาะ FoodWaste ในธุรกิจลงได้ 687 ตัน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขยะและลดปริมาณขยะอาหารลงได้อีก 15%
– การพัฒนาคุณภาพชีวิตในห่วงโซ่ได้มากกว่า 1 แสนครัวเรือน โดยปีนี้ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ชุมชนโดยรวมได้มากกว่า 2,100 ล้านบาทต่อปี
– การพัฒนาศักยภาพบุคลากร มากกว่า 1 ล้านชั่วโมง
– การสร้างความตระหนักให้พันธมิตร และซัพพลายเออร์กว่า 1 หมื่นราย เพื่อตระหนักถึงการทำธุรกิจตามแนวทาง ESG พร้อมตั้งเป้าเข้าไปมีส่วนร่วมกับทางพันธมิตรทุกรายทั้ง 100%
– ตั้งเป้าขยับเป้าหมายด้านการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ในระดับ 91%
“ซีอาร์ซี ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2024 ลงได้กว่า 10% เพื่อขับเคลื่อนแผน Net Zero ภายในปี 2050 โดยเฉพาะในมิติของการใช้พลังงานทดแทน และการลดปริมาณขยะอาหารในธุรกิจ ซึ่งมีแผนขับเคลื่อนต่อเนื่องผ่าน Operation ในทุกๆ ปี รวมทั้งการขยายโมเดลในการดูแลผู้คนและสังคม ไปยังธุรกิจซีอาร์ซีทั้งในเวียดนามและอิตาลีในอนาคตด้วย” คุณญนน์ กล่าวทิ้งท้าย