อีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญของสองยักษ์ใหญ่ในแวดวงธุรกิจ ทั้งจากฟากฝั่ง Retail อย่าง บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และกลุ่ม Financial อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กับการเปิดตัวบัตร Co-branding ‘Bangkok Bank M Visa’ ซึ่งดีลครั้งนี้เป็นมากกว่าแค่การเปิดตัวพันธมิตรบัตรเครดิตและบัตรเครดิตทั่วไป แต่เพื่อประกาศให้เห็นถึงความมุ่งหมายสำคัญของทั้ง 2 องค์กร ในการร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตผ่านการพัฒนาโปรเจ็กต์ที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้ประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง ในฐานะ ‘Meaningful Project Maker’
More Than Business Partner
ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งกลุ่มเดอะมอลล์ และธนาคารกรุงเทพนั้น คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ได้ฉายภาพให้เห็นถึงความสัมพันธ์ผ่านคำนิยามว่า ‘More Than Business Partner’ เพราะธนาคารกรุงเทพอยู่คู่กับกลุ่มเดอะมอลล์มาตลอดเส้นทางการเติบโตกว่า 42 ปี จากความไว้วางใจ และเชื่อมั่นกันมาแบบรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่รุนคุณพ่อ (คุณศุภชัย อัมพุช) ที่สามารถลงทุนโครงการแรกของเดอะมอลล์ ที่สาขาท่าพระได้สำเร็จ แม้จะมีเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจขณะนั้นเพียง 35 ล้านบาท แต่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อของธนาคารกรุงเทพ ที่อนุมัติวงเงินให้สูงถึง 350 ล้านบาท ทำให้สามารถเปิดบริการสาขาแรกได้ และนำมาสู่การขยายสาขาอื่นๆ ตามมาในภายหลัง
“ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพให้การสนับสนุน และเชื่อมั่นเดอะมอลล์มาโดยตลอดตั้งแต่ในวันที่ยังไม่มีใครรู้จักเรา เชื่อมั่นในความฝัน ความตั้งใจในการพัฒนาโปรเจ็กต่างๆ ของเดอะมอลล์ ที่เรามอง Beyond ไปมากกว่าแค่การสร้างศูนย์การค้า หรือแค่สร้างช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ แต่เรากำลังทำในสิ่งที่เป็น Meaningful Project ซึ่งไม่เพียงสร้างประโยชน์ให้แค่องค์กรตัวเองเท่านั้น แต่เป็นการสร้างแลนด์มาร์กใหม่ให้ประเทศไทย สร้างย่านการค้า ย่านเศรษฐกิจใหม่ๆ เพื่อนำพาประเทศไทยสู่การเป็น World Class Tourist Destination เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากได้ทั่วโลก ซึ่งความสำเร็จจากหลากหลายโครงการของเดอะมอลล์ ทั้งเอ็มโพเรียม สยามพารากอน เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ที่กำลังจะเข้ามาเติมเต็มเอ็มดิสทริคให้สมบูรณ์แบบ สามารถพิสูจน์ถึงความตั้งใจจริงของเราได้เป็นอย่างดี โดยทั้งหมดนี้มีธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ให้การสนับสนุนและอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด“
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพยังอยู่กับเดอะมอลล์ในทุกช่วงเวลาวิกฤต ตั้งแต่วิกฤตค่าเงินในช่วง IMF ที่ช่วยสนับสนุนจนทำให้โปรเจ็กต์ THE EMPORIUM สำเร็จขึ้นได้ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนั้น และสามารถเติบโตแบบสวนกระแสเศรษฐกิจได้มากกว่า 30% ทุกปี และกลายเป็นหนึ่ง Milestones สำคัญของเดอะมอลล์ในการขยับมาสู่กลุ่มตลาดไฮเอนด์ได้ในที่สุด รวมทั้งวิกฤตครั้งล่าสุดกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งไม่เพียงแค่การช่วยเหลือกลุ่มเดอะมอลล์เท่านั้น แต่ธนาคารกรุงเทพยังได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือพันธมิตรร้านค้า และคู่ค้าของเดอะมอลล์ที่มีมากกว่าพันราย เพื่อให้สามารถรอดพ้นวิกฤต รวมทั้งสามารถฟื้นฟูธุรกิจช่วงหลังวิกฤตเพื่อให้สามารถแข่งขันต่อได้อย่างแข็งแรงอีกด้วย
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในดีล ‘Bangkok Bank M’
สำหรับความร่วมมือครั้งล่าสุดของธนาคารกรุงเทพและกลุ่มเดอะมอลล์ คือ การเปิดตัวบัตร Co-branding ‘Bangkok Bank M Visa’ ซึ่งจะมีทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ทั้งบัตรพรีเพด บัตรกิฟท์การ์ด บัตรกดเงินสด ภายใต้ชื่อ ‘Bangkok Bank M’ โดยมีระยะเวลา 10 ปี เพื่อร่วมกันมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สามารถสร้างความประทับใจสูงสุดให้ผู้ถือบัตรทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ จากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ความสะดวก รวมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง ซึ่งดีลครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกในการเข้ามาเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม Retail ของธนาคารกรุงเทพอีกด้วย
คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้ามาเป็นพันธมิตรผ่านบัตร ‘Bangkok Bank M Visa’ ร่วมกับเดอะมอลล์ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการขยายฐานมาสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ด้วยการร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้งผ่านแนวคิด ‘THE LEGEMDARY ตำนานนักช้อปยุคใหม่’ ที่เชื่อมโลกของการใช้ชีวิตได้ครอบคลุมทุกมิติ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันที่มีส่วนผสมทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ได้อย่างกลมกลืน ผ่านการนำเสนอความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างตรงใจ
“ปัจจุบันลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารมีการใช้จ่ายผ่านเครือเดอะมอลล์ที่ราวๆ แสนกว่ารายอยู่แล้ว การผนึกความร่วมมือครั้งนี้ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่มอบความคุ้มค่าได้มากยิ่งขึ้น ทั้งการให้คะแนนพิเศษ หรือกิจกรรมพิเศษที่จะมีให้เฉพาะผู้ถือบัตร Bangkok Bank M Visa จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่จากความร่วมมือคร้ังนี้ได้อีกกว่า 1.5 – 2 ล้านใบ ภายใน 5 ปี จากฐานลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ราว 2 ล้านใบ”
คุณศุภลักษณ์ กล่าวเสริมถึงดีลครั้งนี้ว่า จะช่วยทำให้เดอะมอลล์สามารถขยายฐานบัตรเครดิตโคแบรนด์ได้เพิ่มมากกว่าเท่าตัว จากปัจจุบันมีราว 7-8 แสนราย โดยเฉพาะการขยายไปยังกลุ่ม White Collar หรือพนักงานออฟฟิศ ซึ่งจากจุดเด่นของบัตรโคแบรนด์ที่เน้นความคุ้มค่าของพอยท์ในการให้คะแนนและแลกสิทธิประโยชน์ ทำให้มีการใช้จ่ายสูงกว่าบัตรเครดิตทั่วไปถึง 4.5 เท่า สะท้อนถึงความสามารถในการทำความเข้าใจและตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล จากฐานสมาชิก M Card ที่มีรวมกันมากกว่า 5.3 ล้านราย และลูกค้ามากกว่า 50% นิยมชำระผ่าน Digital Payment ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และ QR Code เป็นต้น
เป้าหมายในการสร้างพันธมิตรแบบ Cross Border ของเดอะมอลล์และธนาคารกรุงเทพ ยังมีมากกว่าแค่การขยายฐานไปสู่กลุ่มเป้าหมายของแต่ละฝ่ายเท่านั้น แต่ถือเป็นการสร้างพันธมิตรระยะยาว รวมทั้งความร่วมมือในการขยาย Global Network ร่วมกันอีกด้วย เนื่องจาก แผนการลงทุนของเดอะมอลล์ยังคงมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเช่น ภูเก็ต รวมทั้งโครงการระดับแฟล็กชิพอย่าง Bangkok Mall ซึ่งจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนจำนวนมาก เพื่อสร้าง Global Destination แห่งใหม่ๆ ให้กับประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมท้ังการดึงแบรนด์พาร์ทเนอร์ระดับโลกให้ขยายการลงทุนสาขาใหม่ๆ เข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจึงถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของทุกๆ โปรเจ็กต์ของกลุ่มเดอะมอลล์ในอนาคต
ขณะที่การพัฒนาระบบ Payment ของบัตรเอง ก็ต้องสามารถทำให้รองรับการใช้จ่ายได้ทั่วโลก เพื่อให้ง่ายต่อการขยายฐานผู้ถือบัตรไปสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายในระดับสูง และส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกับดิจิทัลเพย์เมนต์เป็นอย่างดี ซึ่งหากสามารถขยายขอบเขตการใช้จ่ายของบัตรได้มากกว่าแค่ในประเทศไทย ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการนำบัตรโคแบรนด์ใบนี้ไปใช้จ่ายในประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น จากความคุ้มค่าของพ้อยท์และสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการสร้างพันธมิตรท่ีมีอยู่ในแต่ละประเทศ
ซึ่งธนาคารกรุงเทพเอง มีความแข็งแรงในฐานะ Global Bank ที่มีเครือข่ายสาขากระจายอยู่ใน 16 ประเทศ ครอบคลุมหลายภูมิภาคของโลก และมี ความสามารถพัฒนาระบบให้รองรับการนำบัตรไปใช้จ่ายได้ทั่วโลก ประกอบกับสิทธิประโยชน์ ความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย จึงเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยับให้บัตร Bangkok Bank M Visa กลายเป็นหนึ่งในบัตรเครดิตชั้นนำระดับโลก ที่ทุกคนต้องการที่จะมีไว้ในกระเป๋า และสามารถเป็นบัตรที่สร้างความคุ้มค่าทำให้นักช้อปนึกถึงเป็นบัตรใบแรกเมื่อต้องการที่จะใช้จ่ายได้ในที่สุด
ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงมีมากกว่าแค่การเปิดตัวบัตรโคแบรนด์ใบใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และไม่ใช่เป็นเพียงแค่การวางกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตให้กับทั้ง 2 องค์กรเท่านั้น แต่ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการวางโรดแม็พเพื่อมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งใน World Class Tourist Destinatoin ที่สามารถตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวได้อย่างครอบคลุมและคุ้มค่าได้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อเพิ่มทั้งระยเวลาในการอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งเม็ดเงินที่ใช้จ่ายในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย