นำร่องเปิดเป็นโซนแรก ประเดิมงาน Sustainability Expo 2023 (SX2023) สำหรับเทศกาลอาหารเพื่อโลก SX Food Festival 2023 ซึ่งในปีนี้มาในธีม Thai Street Food Museum : ไทยสตรีทฟู้ด ไทยสตรีทกู้ด ดีต่อไทย ดีต่อโลก เนรมิตพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นดินแดนแห่งความอร่อยที่ยั่งยืน พร้อมเพิ่มจำนวนร้านอีกกว่า 60% เป็นกว่า 160 ร้าน
สำหรับธีมในปีนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นเสน่ห์และคุณค่าของอาหารไทย โดยเฉพาะสตรีทฟู้ดที่โด่งดังไปทั่วโลก จึงเป็นอีกหนึ่ง Super Soft Power ที่ทรงพลังและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ช่วยดึงดูดให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล
นอกจากนี้ ยังช่วยฉายภาพความเชื่อมโยงมิติของอาหารเข้ากับเรื่องของความยั่งยืนได้ ทั้งจากในธุรกิจอาหาร รวมทั้งพฤติกรรมในการเลือกบริโภคก็สามารถสร้างความยั่งยืนให้โลกใบนี้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การปรุงอาหารที่มีคาร์บอนต่ำ รวมทั้งเลือกใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นมาต่อยอดทำเมนูอาหาร เพื่อช่วยลดคาร์บอนได้มากกว่าการขนส่งจากทางไกล หรือนำเข้าจากต่างประเทศ รวมไปถึงการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ไปจนถึงการจัดการขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค เป็นต้น พร้อมกิจกรรมหลากหลายเพื่อให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนได้ในชีวิตประจำวัน
ฉายเทรนด์ Sustainable Food
คุณต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะทำงาน SX 2023 กล่าวว่า SX Food Festival ถือเป็นหนึ่งในแม่เหล็กสำคัญของงาน SX2023 ที่ทุกคนที่มางานจะแวะเวียนเข้ามาในพื้นที่นี้ด้วย ซึ่งภายในงานจะเชื่อมโยงอีกหนึ่งมิติความยั่งยืนที่อยู่ใกล้ตัว และทุกคนสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้ เพียงแค่การกิน หรือเลือกเมนูอาหารที่ดี ก็สามารถช่วยกู้โลกได้อีกทางหนึ่ง โดยไฮไลท์สำคัญภายในงาน ประกอบด้วย
1. รวบรวม ร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังแต่ละย่านมาไว้พื้นที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ราชดำเนิน เฉลิมกรุง พระนคร หัวลำโพง บ้านสุริยาศัย ตลาดน้ำ เมืองเก่า และเยาวราช มาไว้ในพื้นที่เดีวยกัน พร้อมจำลองบรรยากาศเป็นสถานที่ และแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองสำคัญ โดยนำวัสดุเหลือใช้และวัสดุรักษ์โลกมาใช้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งพื้นที่
2. รวบรวมเมนูอาหาร จาก 20 เซเลบริตี้เชฟ ทั้งจากไอรอนเชฟ ท็อปเชฟ และมาสเตอร์เชฟ มารังสรรค์เมนูที่สอดคล้องกับเทรนด์อาหารยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นอาหารโซเดียมต่ำ น้ำตาลต่ำ หรือใช้วัตถุดิบในกลุ่มฟืวเจอร์ฟู้ดที่ดีต่อโลก เช่น แพลนท์เบส หรือแมลง เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เลือกชิมกันอย่างจุใจ
3. การนำเสนอเทรนด์อาหารยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงของโลก ที่มีการเติบโตในแต่ละปีหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food) อาหารอินทรีย์ (Organic Food) อาหารทางการแพทย์ (Functional Food) อาหารอนาคต (Future Food)
4. ส่ิงที่ผู้จัดงานต้องการผลักดันเพิ่มเติมในปีนี้คือ การส่งเสริม Local Food หรือการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาประกอบอาหารเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ด้วย เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งมิติที่ช่วยลดการสร้างคาร์บอนได้ เพียงแค่ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่น มาประกอบอาหาร แทนการสั่งวัตถุดิบมาจากที่ไกลๆ หรือนำเข้าจากต่างประเทศ ที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์มากกว่า รวมทั้งภูมิปัญญาการทำอาหารแบบพื้นฐาน เช่น ส้มตำ หรือยำต่างๆ ที่ไม่ต้องใช้ความร้อน ทำให้มีคาร์บอนต่ำ
5. สร้างความตระหนักในเรื่องของการจัดการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ผ่าน Food Waste Station ที่จัดสถานีคัดแยกขยะและทิ้งเศษอาหาร เพื่อนำบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น กระดาษ พลาสติก ขวดPET กระป๋องอะลูมิเนียม แยกทิ้งตามประเภท ซึ่งจะมีการตั้งสถานีกระจายไปทั่วพื้นที่การจัดงาน
6. สำหรับ ขยะเศษอาหาร จะมีเครื่องรองรับอาหารที่รับประทานเหลือ รวมทั้งอาหารที่เหลือจากการขายในแต่ละวัน เพื่อนำไปย่อยกลายเป็นปุ๋ยภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้คนภายในงานสามารถมารับไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ซึ่งได้ทำอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อนหน้า เพื่อส่งเสริมทั้งการกินดี และทิ้งอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยลด Food Waste
7. กิจกรรมเรียนรู้เรื่องของพลังงานทดแทน จากคาเฟ่พลังงานสะอาด ที่อยู่บริเวณหน้างาน ซึ่งผู้ร่วมงานสามารถร่วมปั่นจักรยานเพื่อสร้างเป็นพลังงานนำไปใช้ภายในร้าน ซึ่งช่วยสร้างทั้งการเรียนรู้เรื่องพลังงานสะอาดรวมทังเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้เข้ามาร่วมชมงานมากยิ่งขึ้นด้วย
8. การจัดงานในปีนี้ยัง ได้นำข้อเรียนรู้จากปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนางานในปีนี้ให้ดีขึ้น เช่น การบริหารจัดการเรื่องควัน หรือจำนวนที่นั่งเพื่อรองรับผู้เข้าชมงาน ให้สามารถรองรับได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเชื่อมโยงให้มีภาพในเรื่องของความยั่งยืนซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญในการจัดงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักไปสู่ผู้บริโภคว่า แค่การเลือกรับประทานอย่างถูกต้อง ทิ้งให้ถูกที่ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัว และทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ ก็สามารถขับเคลื่อนในเรื่องของความยั่งยืนได้ด้วยตัวเอง
9. เนื่องจาก ผู้จัดการไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายสำหรับร้านค้าที่มาร่วมงาน แต่ ภายหลังจบงานทางร้านค้าจะร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของ SOS Thailand ซึ่งเป็นมูลนิธิที่มีภารกิจในการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน เพื่อช่วยลดการเกิดขยะอาหาร ซึ่งทางผู้จัดงานจะนำเงินบริจาคทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย
10. SX Food Festival 2023 ยังถือว่าเป็น Carbon Neutral Event เพราะภายหลังเสร็จสิ้นการจัด SX 2023 แล้ว จะมีการคำนวณคาร์บอนฟุตพรินท์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งงาน และหากมีส่วนเกินทางพันธมิตรอย่างมิตรผล จะช่วยออฟเซ็ตจำนวนคาร์บอนเครดิตให้เพื่อให้ตลอดการจัดงานมีความเป็นกลางทางคาร์บอน
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงสุดพิเศษ จากกลุ่มชาวบ้าน 2499 วันละ 3 รอบเวลา 11.00 – 12.30 น., 15.00 – 16.30 น., และ 18.00 – 19.30 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ สัปดาห์แรก 29 ก.ย. 66 – 1 ต.ค. 66 และสัปดาห์ที่สอง 6 – 8 ต.ค. 66
มาร่วมสร้างสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า Good Balance, Better World พร้อมสัมผัสประสบการณ์และความอร่อยที่ยั่งยืน ผ่านเมนูอาหารกู้โลกสารพัด ที่ดีต่อคุณ ดีต่อไทย ดีต่อโลก กับเทศกาลอาหารเพื่อโลก SX FOOD FESTIVAL 2023 ภายใต้มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) ตั้งแต่ 29 กันยายน 2566 – 8 ตุลาคม 2566 (เวลา 10.00 – 20.00 น.) ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ส่วนโซนนิทรรศการหลัก ชั้น G นั้น เริ่ม 2 ตุลาคม 2566 และเข้าชมงานฟรี !!!