เพราะตระหนักดีว่าการเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ที่ดีมีคุณภาพคือประตูสู่โอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลกอย่างนีเวียและยูเซอริน พร้อมด้วยพันธมิตรอย่างมูลนิธิอโชก้า ผู้ริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสังคม (ประเทศไทย) และโครงการร้อยพลังการศึกษา โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ เดินหน้าสานต่อกิจกรรมทำดีเพื่อสังคมกับโครงการ “ห้องสมุดยุคใหม่ เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้”
ส่งมอบห้องสมุดที่ได้รับการปรับปรุงใหม่สำเร็จพร้อมสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์แก่โรงเรียนวัดมงคลโคธาวาส จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้เสริมสร้างทักษะด้วยตนเองที่ทันสมัยและเหมาะสมสำหรับนักเรียนและเยาวชนในชุมชน พร้อมทำกิจกรรมบ่มเพราะนิสัยรักการอ่านที่ถือเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญต่อพัฒนาการที่ดีในการศึกษาต่อไปในอนาคต
โครงการ “ห้องสมุดยุคใหม่ เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้” เป็นหนึ่งโครงการที่แสดงถึงจุดมุ่งหมายองค์กรอย่าง “CARE BEYOND SKIN” การดูแลที่มากกว่าการดูแลผิวได้อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการคืนประโยชน์ให้กับสังคม โดย ไบเออร์สด๊อรฟ มุ่งมั่นทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและเท่าเทียมให้กับทุกคน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนผ่านการเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงการศึกษาและสร้างทักษะการเรียนรู้ให้แก่พวกเขาอย่างยั่งยืน
คุณสเตฟานี แบร์โรล รองประธานกรรมการอาวุโส ภูมิภาคอาเซียน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ กล่าวว่า “CARE BEYOND SKIN” คือ จุดมุ่งหมายขององค์กรที่เรายึ
ม้สถานศึกษาและแหล่งการเรียนรู้สำหรับเด็กในประเทศไทยจะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย กระนั้นการพัฒนาดังกล่าวยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะในเขตที่มีความเจริญหรือในกลุ่มประชากรที่สามารถเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้เท่านั้น เพื่อลดช่องว่างการเข้าถึงการศึกษาให้เกิดความเท่าเทียม และดึงดูดเด็กๆ ให้มาใช้ห้องสมุดมากขึ้น นอกจากห้องสมุดที่ตกแต่งและสร้างบรรยากาศน่านั่งแล้ว ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ยังได้จัดเตรียมหนังสือและสื่อการสอนที่ทันสมัยต่าง ๆ พร้อมด้วยอุปกรณ์การเรียน เกมฝึกสมองและทักษะ แท๊ปเล็ตสำหรับอ่าน E-book ค้นคว้าเพิ่มเติม สื่อการสอนภาษาอังกฤษพูดได้ และระบบจัดการห้องสมุดที่ได้มาตรฐาน เพื่อการประเมินผลโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เด็ก ๆ สามารถมาศึกษาหาความรู้และพัฒนาทักษะกันได้อย่างเต็มที่ในห้องสมุดแห่งนี้
ไม่เพียงแต่มอบอุปกรณ์การเรียน และของเล่นที่ทันสมัย แต่ทางไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ยังจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะรักการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับทุกที่ที่ได้ดำเนินการปรับปรุงห้องสมุดให้อีกด้วย ทำให้นักเรียนรู้สึกว่าการเข้าห้องสมุดมีเรื่องที่น่าสนใจกว่าแค่เข้ามาอ่านหนังสือ เพราะนอกจากจะสามารถค้นคว้าหาความรู้ที่ตนเองสนใจแล้ว ยังมีของเล่นและกิจกรรมอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และเป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
คุณรัญภา พรบัญชาตระกูล ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดมงคลโคธาวาส กล่าวว่า “ทางโรงเรียนรู้สึกยินดีและขอบคุณทางไบเออร์สด๊อรฟด้วยนะคะ ที่มาช่วยพัฒนาให้ห้องสมุดของเรามีชีวิตชีวาและทันสมัยเหมาะแก่การเรียนรู้ของเด็ก ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะความพรั่งพร้อมของอุปกรณ์หรือสื่อการเรียนรู้ทันสมัยมากมาย ที่เชิญชวนให้เด็ก ๆ สนใจและอยากมาทำกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ ที่ห้องสมุดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เช่น E-book เกมสอนทักษะภาษาอังกฤษและวิทยาศาสตร์ รวมทั้งหนังสือที่มีประโยชน์ และบรรยากาศแวดล้อมห้องสมุดซึ่งติดกับป่าชายเลนที่ได้เชื่อมโยงวิถีชุมชนของที่นี่ รวมถึงการมีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษามาช่วยถ่ายทอดความรู้ใหม่ ๆ ให้กับคุณครูและผู้ช่วยสอนของโรงเรียนที่จะได้ไปต่อยอดในการสอนเด็ก ๆ นักเรียนของเราตื่นเต้นและดีใจกับห้องสมุดโฉมใหม่นี้มาก ๆ ค่ะ เราเองก็หวังว่าที่นี่จะได้ช่วยบ่มเพาะทักษะรักการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ให้เด็กนักเรียนและเยาวชนในท้องถิ่นของเราต่อไปค่ะ”
โดย เด็กชายปัญญากร ศรีทองใบ ตัวแทนนักเรียนจากชั้นประถมศึ
นอกจากนี้ในปีการศึกษาที่ผ่านมา ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ได้มีการมอบทุนการศึกษาภายใต้โครงการ “ส่งน้องเรียน สร้างเด็กรักการอ่าน” แก่นักเรียนที่เรียนดี รักการเรียนรู้ แต่ยังขาดแคลนทุนทรัพย์ไปแล้วทั้งสิ้นหกทุนการศึกษา (โรงเรียนละหนึ่งคน) โดยปีนี้ ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ตั้งใจจะมอบทุนการศึกษาช่วยเหลือเด็กขาดโอกาสอีกจำนวน 11 ทุนรวมทั้งสิ้นเป็น 17 ทุนการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 และระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ตลอดหลักสูตรสามปี
ปีที่ผ่านมา ห้องสมุดที่ดำเนินการมอบแล้วเสร็จได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีและเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ โดยมีสถิติการใช้ห้องสมุดมากขึ้น เห็นได้จากมีการยืมคืนหนังสือเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กหลายคนสามารถอ่านและเขียนหนังสือได้คล่องขึ้น สามารถเขียนคำภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง และจากการที่เข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือเป็นประจำ ทำให้การอ่านและจับใจความในชั้นเรียนดีขึ้น อีกทั้งเด็ก ๆ ยังรู้จักแบ่งปันของเล่น รู้จักการรอคอยหากมีคนอื่นยืมหนังสือเล่มที่ตนอยากอ่านไปก่อน และมีทักษะและความฉลาดด้านอารมณ์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
“เราดีใจที่เห็นเด็ก ๆ มีพัฒนาการการเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความฉลาดทางด้านอารมณ์หรือด้านวิชาการ เพราะนั่นทำให้เห็นว่าสิ่งที่เรามุ่งมั่น และจัดทำภายใต้โครงการนี้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็กนักเรียน ครู เยาวชน และชุมชนโดยรอบ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบยั่งยืนได้อย่างแท้จริง” คุณสเตฟานี กล่าวปิดท้าย