กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สตค.นิวยอร์ก) รายงานยอดจําหน่ายสแน็คในกลุ่มผักและผลไม้ทั่วโลกในปี 2564 อยู่ที่ราว 11,400 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมคาดการณ์อัตราเติบโตเฉลี่ย 8.1%ในช่วงระหว่างปี2565-2573 โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.6% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 9% ช่วงระหว่างปี 2565–2573
ทั้งนี้ การเติบโตของตลาดดังกล่าว มาจากเทรนด์เรื่องของสุขภาพและความนิยมสินค้าในกลุ่ม Vegan ที่กระจายไปทั่วโลก ทำให้ตลาดสแน็คในกลุ่มผักและผลไม้ได้รับอานิสสงส์และสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจัดอยู่ในทางเลือกที่เป็น Healthy Snack ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะบริโภคเป็นอันดับแรก
เช่นเดียวกับในสหรัฐฯ ที่มีเทรนด์และปัจจัยบวกหลายประการมาช่วยผลักดันตลาด Healthy Snack ในกลุ่มผักและผลไม้ ให้สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย
1. ชาวอเมริกันมีความต้องการอาหารว่างเพิ่มขึ้น 45% ตามรายงานของ National Library of Medicine ทำให้มีความต้องการในการมองหาขนมขบเคี้ยวที่มีรสชาติถูกปาก มีประโยชน์ และพร้อมรับประทานขยายตัวเพิ่มขึ้นตามมาด้วย
2. การขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจในสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทําให้วัตถุดิบที่มาจากพืช (plant based) เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของ Plant based food association ระบุว่ายอดการจําหน่ายสินค้าจากพืชในสหรัฐฯ ปี 2564 มีมูลค่า 7,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 6.2%
3. ผู้บริโภคหันมาบริโภควัตถุดิบธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยลง เพื่อรักษาประโยชน์ของสารอาหารในวัตถุดิบนั้นๆ โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่ม Millennial และกลุ่ม Gen X ที่เป็นกลุ่มประชากรกลุ่มใหญ่ในตลาด ต่างมองหาสินค้าสุขภาพที่มีประโยชน์ ทั้งของว่าง อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น โดยความต้องการดังกล่าวน่าจะช่วยผลักดันให้สินค้าผักและผลไม้กินเล่นมีโอกาสและมีการขยายตัวในอนาคต
4. ความกังวลในเรื่องปัญหาสุขภาพของชาวอเมริกันที่เพิ่มขึ้น ทั้งโรคอ้วน โรคเบาหวาน และอาการแพ้อาหารต่างๆ ทําให้ชาวอเมริกันมองหาสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพมากขึ้น ตามข้อมูลองค์การอนามัยโลกปี 2564 ที่ระบุว่าชาวอเมริกันประมาณ 40% ของประชากรรวมเป็นโรคอ้วน ส่งผลให้ผู้บริโภคจํานวนมากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่อาหารทางเลือก และควบคุมน้ําหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งข้อมูลจากสถาบัน Asthma and Allergy Foundation of America ปี 2564 ที่ระบุว่าชาวอเมริกัน 6.2% ของประชากรทั้งหมดแพ้อาหารด้วย
5. นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่มีการออกแบบที่สวยงาม ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากที่จะทดลองและรีวิวสินค้าผ่านทาง Social มากขึ้น โดยของทานเล่นกลุ่มผักที่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ ได้แก่ มันหวาน บีทรูท แครอท มะเขือเทศ บรอคโคลี่ ผักขม เคล หอมหัวใหญ่ กระเจี๊ยบ บวบ พริกหยวก เห็ด เป็นต้น และของทานเล่นยอดนิยมในกลุ่มผลไม้ ได้แก่ แอปเปิ้ล กล้วย มะม่วง สับปะรด มะพร้าว สตอเบอรี่ ส้ม กีวี่ เป็นต้น