Lego Group ผู้ผลิตของเล่นสัญชาติเดนมาร์ก และถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เริ่มเดินหน้าก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ของสหรัฐ ในรัฐเวอร์จิเนียแล้ว ภายใต้เงินลงทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับก่อสร้างโรงงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutral ได้อย่างสมบูรณ์ต้ังแต่เริ่มเดินสายการผลิตตามแผนในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือเตรียมเปิดไลน์การผลิตในปี 2568 เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศ
โรงงานแห่งใหม่ในเวอร์จิเนียนี้ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 7 ของ Lego และถือเป็นแห่งที่ 2 ของสหรัฐฯ มีพื้นที่รวม 340 เอเคอร์ โดยในส่วนของโรงงานผลิต จะประกอบด้วยอาคาร 13 หลัง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1.7 ล้านตารางฟุต รวมถึงพื้นที่สำนักงาน โรงหล่อและแปรรูป อาคารบรรจุหีบห่อ และคลังสินค้า โดยคาดว่าหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถสร้างงานในท้องถิ่นได้ 1,760 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ โรงงานแห่งนี้จะใช้พลังงานทดแทนในการดำเนินการทั้งหมด จากโซลาร์ทาวน์ ซึ่งประกอบไปด้วยแผงโซลาร์บนพื้นดิน 35,000 – 40,000 แผง พร้อมด้วยแผงโซลาร์บนหลังคา 15,000 – 20,000 แผง ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าโดยรวมได้มากกว่า 30-35 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถรองรับความต้องการใช้พลังงานของโรงงานได้ทั้งหมด โดยปริมาณการผลิตไฟฟ้าของโรงงานแห่งนี้ เทียบเท่าความสามารถจ่ายไฟให้กับบ้านเรือนในสหรัฐได้โดยเฉลี่ยกว่า 10,000 ครัวเรือน
นอกจากนี้ Lego ยังมีแผนที่จะใช้อุปกรณ์การผลิตที่ประหยัดพลังงานตลอดกระบวนการก่อสร้าง และในระหว่างการดำเนินงานของโรงงาน รวมทั้งมีระบบการบริหารจัดการทั้งด้านพลังงาน การดูแลและบำบัดน้ำ รวมทั้งการบริหารจัดการของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีเหลือไปสู่บ่อฝังกลบ เพื่อให้สามารถได้รับการรับรองมาตรฐาน Gold LEED (ความเป็นผู้นำด้านการออกแบบพลังงานและสิ่งแวดล้อม)
เมื่อโรงงานแห่งนี้สร้างเสร็จแล้ว ทาง Lego ตั้งเป้าหมายให้โรงงาน “เป็นกลางทางคาร์บอน” อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินงาน โดยในกระบวนการผลิตจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ ทั้งใน Scope 1 และ 2 รวมทั้งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสัมบูรณ์ลง 37% ตามแนวทางรับรองที่เป็น Science-Based Target ภายในปี 2575 เมื่อเทียบกับปีฐานในปี 2562 และบรรลุเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2593
ตามรายงานของ Lego ยังมีแผนสร้างโรงงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนแห่งใหม่ที่ประเทศเวียดนาม ในปี 2567 รวมทั้งมีแผนขยายเพิ่มเติมอีกในเม็กซิโก ฮังการี และจีน