ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับทางเลือกในการบริโภคเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยพบว่า ผู้บริโภค 77% มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการซื้อสินค้าของพวกเขา และ 64% ยินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าที่ยั่งยืน (อ้างอิง : GreenPrint’s 2022 Business of Sustainability Index ) รวมไปถึงการยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่ม สำหรับสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนด้วย
ส่งผลให้เจ้าของแบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ทั้งมิติในเรื่องสภาพภูมิอากาศ หรือแนวทางในการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนให้มากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาฉลากสินค้าให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย เนื่องจากฉลากสินค้าถือเป็นส่วนหนึ่งของบรรจุภัณฑ์เช่นกัน
ยูพีเอ็ม ราฟลาแทค จึงมุ่งมั่นการพัฒนาฉลากสินค้าที่ยั่งยืน ตามสโลแกน labeling a smarter future beyond fossils เพื่อนำเสนอทางเลือกที่ช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และเจ้าของแบรนด์ต่างๆ เปลี่ยนมาใช้วัสดุทางเลือก ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น พร้อมเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจด้วย
โดยหนึ่งในโซลูชันสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาจากยูพีเอ็ม ราฟลาแทค เพื่อมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ การพัฒนาโซลูชั่นฟิล์มชนิดบาง (Lite film labelling solutions) เป็นหนึ่งทางเลือกเพื่อสนับสนุนให้แบรนด์มุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน จากการลดปริมาณและ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โซลูชันฟิล์มชนิดบางนี้ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon footprint) จากออกแบบเพื่อให้ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด โดยการเลือกใช้วัสดุที่บางลงแต่ยังคงคุณภาพไว้ ทั้งประสิทธิภาพในการใช้งาน และประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับฟิล์มรุ่นปกติที่หนากว่า เนื่องจากใช้วัตถุดิบฟอสซิลและพลังงานในการผลิตที่น้อยกว่า
โซลูชันฟิล์มชนิดบางยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดระยะเวลาในการสั่งและรอสินค้า จากการลดความถี่และระยะเวลาในการหยุดเครื่องเพื่อเปลี่ยนม้วนระหว่างการผลิต ทำให้ผลิตสินค้าได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน เพราะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างในห้องเก็บของเพื่อใช้ในการเก็บวัสดุอื่นๆ และสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว ทั้งยังลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์และการขนส่งได้ จากการใช้ฟิล์มฉลากสินค้าที่บางลง จึงได้ม้วนที่ยาวขึ้น นอกเหนือจากนั้น ฉลากอาหารในโซลูชันฟิล์มชนิดบางของยูพีเอ็ม ราฟลาแทค ยังสอดคล้องตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารอีกด้วย
นวัตกรรมใหม่นี้สามารถนำไปใช้งานกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย หนึ่งในตัวอย่างคือ PE 65 ฟิล์มชนิดที่มีความยืดหยุ่นสูง รุ่นที่บางที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์ม PE สำหรับทำฉลากสินค้าของยูพีเอ็ม ราฟลาแทค โดยฟิล์มที่บางกว่ารุ่นมาตรฐาน PE 85 นี้ มีความยืดหยุ่นตัวสูง และต้านทานน้ำ น้ำมัน และสารเคมีได้ดี ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ หรือหลอดที่มีการบีบใช้งาน ในกลุ่มสินค้า สำหรับของใช้ภายในบ้านหรือของใช้ส่วนบุคคลก็ได้เช่นกัน
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ฟิล์มชนิดบางคือ Raflex Pro ที่รวมเอาคุณสมบัติการใช้งานที่ดีเยี่ยมของฟิล์ม PE และ PP ไว้ด้วยกัน เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการทั้งความยืดหยุ่น และรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจบนชั้นวางสินค้า Raflex Pro มีคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่นเช่นเดียวกับฟิล์ม PE เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่มีความโค้งมน และบรรจุภัณฑ์ที่มีการบีบใช้งาน โดยยังมีความใสมากเหมือนกับฟิล์ม PP ซึ่ง Raflex Pro ยังมีความบางมากเป็นพิเศษ จึงช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ เพราะมีจำนวนฉลากต่อม้วนเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถช่วยลดระยะเวลาหยุดเครื่องระหว่างการผลิตเพื่อเปลี่ยนม้วนฟิล์ม โดยเพิ่มกำไรให้กับกระบวนการผลิตฉลาก และขั้นตอนการติดฉลาก รวมทั้งลดภาระด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก
กลุ่มผลิตภัณฑ์ PE Lite ถือเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ที่จะช่วยให้ผู้ผลิตฉลาก สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์สินค้าที่ต้องการวัสดุที่ยั่งยืนได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อเลือกใช้ฟิล์ม PE Lite ที่มีความบางกว่าฟิล์ม PE แบบเดิม เจ้าของแบรนด์สินค้าก็สามารถเป็นผู้นำ ด้านฉลากสินค้าที่ยั่งยืนได้ โดยช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ไปพร้อมกับเพิ่มกำลังการผลิต
เมื่อนำมาใช้งานร่วมกับกาว RP37 และกระดาษรองหลังที่ได้มาตรฐาน FSCTM (FSC-C012530) จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ สำหรับการบรรจุอาหาร ของใช้ภายในบ้าน และของใช้ส่วนบุคคล โดยฟิล์ม PE Lite ของยูพีเอ็ม ราฟลาแทคจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ พร้อมตอบสนองอุปสงค์ของตลาดที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในเรื่องการลดการใช้ทรัพยากร
อีกหนึ่งตัวอย่างคือผลิตภัณฑ์ PP Food ของยูพีเอ็ม ราฟลาแทค ที่ช่วยให้การตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ฉลาก ที่ปลอดภัยและยั่งยืนได้ง่ายขึ้น ด้วยการเคลือบผิววัสดุเกรดสำหรับอาหาร จึงสามารถใช้งานได้อย่าง สอดคล้องตามมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร มีประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ในการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งยังช่วยลดความจำเป็นด้านคลังเก็บสินค้าและทำให้กระบวนการพิมพ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีโซลูชันฟิล์มชนิดบางที่มีประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ อีก เช่น Polyprint lite ซึ่งใช้ร่วมกับกาว RH9S โดยพื้นผิวของ Polyprint lite มีลักษณะมันเงาและรองรับการพิมพ์ด้วยเครื่องอิงค์เจ็ต ได้อย่างดีเยี่ยม มีความเสถียร มีขนาดคงที่ และรูปลักษณ์ที่สวยงาม พร้อมคุณสมบัติความทนทานเป็นเลิศ และต้านทานทั้งความชื้น น้ำ ไขหรือน้ำมัน ซึ่งทำให้ฟิล์มชนิดนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร
การเปลี่ยนวัสดุจากชนิดหนึ่งมาเป็นอีกชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะจากชนิดหนามาเป็นชนิดบาง อาจพบปัญหาได้ สำหรับโรงพิมพ์ และเจ้าของแบรนด์ แต่โซลูชั่นฟิล์มชนิดบางของยูพีเอ็ม ราฟลาแทค มีประสิทธิภาพ การใช้งานที่เชื่อถือได้ในหลากหลายการใช้งาน ช่วยสร้างความยั่งยืนไปพร้อมกับรักษามาตรฐานคุณภาพระดับสูงของแบรนด์เอาไว้ ด้วยการทำให้ทุกขั้นตอนในวงจรการผลิตมีความยั่งยืน ทำให้ยูพีเอ็ม ราฟลาแทคสามารถนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไปพร้อมกัน
ยูพีเอ็ม ราฟลาแทค จึงขอเชิญชวนผู้ผลิตฉลากสินค้า เจ้าของแบรนด์ ซัพพลายเออร์วัตถุดิบ และผู้มีอิทธิพล ทางความคิดต่าง ๆ ร่วมมือกัน เพื่อเปลี่ยนนวัตกรรมให้กลายเป็นโซลูชันชั้นเยี่ยม และเพิ่มโอกาสการแข่งขัน เราจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ยอดเยี่ยมได้ก็ด้วยความร่วมมือกันเท่านั้น และการผนึก กำลังของเหล่าพันธมิตรผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความมุ่งมั่นคือแนวทางเดียวที่เราจะสามารถนำพาโลกของเราไปสู่ future beyond fossil ได้