สร้างความฮือฮาอย่างมาก จากการเปิดตัว ‘พระสติ’ ที่แฝงด้วยแนวคิดเชิงปรัชญา ‘การเวียนว่ายตายเกิดของทรัพยากร’ ในงาน Bangkok Design Week เมื่อปีที่ผ่านมา
มาปีนี้แบรนด์ Qualy (ควอลี่) ได้ต่อยอดแนวคิดขับเคลื่อนสังคม Circularity เพื่อลดการสร้างขยะอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ขยะจากกลุ่มธุรกิจอาหาร ให้สอดคล้องกับธีมหลัก “urban‘NICE’zation เมือง – มิตร – ดี” ของงาน Bangkok Design Week 2023 (BKKDW 2023)
เปิดไอเดียลด Waste ต้นน้ำอุตสาหกรรมอาหาร
การเลือกโฟกัสในกลุ่มธุรกิจอาหารนั้น คุณไจ๋- ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและ Design Director บริษัท นิว อาไรวา จำกัด เจ้าของแบรนด์ Qualy ให้ข้อมูลว่า อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ของคนเมือง และยังมีทั้งความถี่และปริมาณในการสร้างขยะจำนวนมาก ทั้งในระดับบุคคลหรือระดับอุตสาหกรรม
เทียบกับสินค้าในกลุ่มอื่นๆ เช่น เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่างๆ ที่การใช้ในแต่ละขวดกว่าจะหมดก็อาจจะเป็นเดือนๆ หรือหลายเดือน แต่ขยะจากกลุ่มอาหารเกิดขึ้นทุกวัน แต่ละวันก็มากกว่าหนึ่งครั้ง ทำให้มีขยะจากธุรกิจนี้จำนวนมหาศาล ทั้งจากวัตถุดิบเอง บรรจุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในการประกอบอาหาร หรือเพื่อใช้ในร้านอาหาร ร้านกาแฟต่างๆ หรือแม้แต่ในช่วง Pre-production ของกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องมีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งก็สร้างขยะจำนวนมากไม่ต่างกัน และเป็นจุดที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน
แบรนด์ Qualy จึงเลือกโชว์เคสผ่าน ‘Circular Cafe’ เพื่อนำเสนอไอเดียการดีไซน์ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ขยะจากกลุ่มธุรกิจกาแฟที่มีทั้งกากกาแฟ ถุงบรรจุเมล็ดกาแฟ แก้วใส่กาแฟ หลอดพลาสติก ถุงพลาสติก ซึ่งสามารถนำไปผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลเพื่อต่อยอดเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งร้าน จานรองแก้ว ชั้นวางของ หรือแม้แต่อุปกรณ์ตกแต่งสวนจากขยะพลาสติกอย่าง ก้อนหิน Re-rock หรือโคมไฟ รวมทั้งขยะในกลุ่มวัสดุที่เป็นแก้ว เช่น ขวดใส่เครื่องดื่มประเภทต่างๆ ซึ่งสามารถนำกลับไปใช้งานใหม่ หรือนำไปทำเป็นสารเคลือบชิ้นงานให้มีความมันแววได้
พร้อมเปิดตัวไอเดียใหม่เป็นครั้งแรกกับ ‘แจกันหลอดแก้วจากห้องแล็บ’ ในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นการขยับไปช่วยลด Waste ได้ตั้งแต่ต้นน้ำของอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และในธุรกิจมักจะมีห้องแลปสำหรับการวิจัยหรือพัฒนาต่างๆ ทำให้มีการใช้งานหลอดแก้วเช่นนี้จำนวนมาก ซึ่งมักจะใช้บรรจุสารอาหาร สำหรับการใช้เพาะเลี้ยงเชื้อต่างๆ และส่วนมากจะเป็นการใช้แบบ Single-use คือใช้แล้วทิ้ง ทำให้มีขยะจากหลอดแก้วในแต่ละเดือนเป็นหลักหมื่นชิ้นในแต่ละบริษัท และเป็นหนึ่งในต้นทุนที่บริษัทต้องจ้างเพื่อนำไปทิ้ง เนื่องจากไม่รู้ว่าจะนำ Waste เหล่านี้ไปต่อยอดอย่างไรได้
“แจกันหลอดแก้ว เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ช่วยตอกย้ำแนวคิด ‘การเวียนว่ายตายเกิดของทรัพยากร’ ด้วยการเปลี่ยนจากหลอดแก้วที่ใช้แล้วทิ้ง ให้กลับมามีคุณค่าได้ใหม่ด้วยการเป็นแจกันหลอดแก้วดีไซน์เก๋อย่าง แจกันทรงเห็ด ซึ่งเห็ดเป็นพืชในกลุ่มตระกูลฟังไจ (Fungi) ที่มักจะขึ้นอยู่ตามสิ่งที่ตายแล้ว กลายเป็นความหมายที่ซ่อนไว้ในงานดีไซน์ เหมือนกับเห็ดที่มาขึ้นอยู่บนหลอดแก้วที่ตายไปแล้วนั่นเอง โดยที่เห็ดเหล่านี้ก็ผลิตมาจากพลาสติกรีไซเคิลด้วยเช่นเดียวกัน”
Butterfly Effect ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก
อีกหนึ่งความตั้งใจในงาน BKKDW 2023 ของ Qualy คือ การเร่งสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องการมีส่วนร่วมในการลดการสร้างขยะ หรือการแยกขยะด้วยตัวเอง โดยสื่อสารผ่านแนวคิด Butterfly Effect ตามทฤษฎี ผีเสื้อขยับปีก ที่แค่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของทุกคน ก็สามารถสร้างให้เกิด Big Impact ให้แก่โลกได้ โดยใช้แม็กเน็ตรูปผีเสื้อจากพลาสติกรีไซเคิล นำมาติดเรียงกันจนกลายเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ที่สวยงามมากขึ้นได้
ขณะที่การขับเคลื่อนเพื่อสร้าง Social Impact ที่มากขึ้นของ Qualy ในปีนี้ จะเน้นให้เชื่อมโยงไปในมิติของผู้คนในสังคมเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาหมึกวาดภาพแบบพิเศษ ที่เมื่อวาดแล้วจะมีความนูนจากพื้นขึ้นมา เพื่อช่วยเสริมจินตนาการให้กลุ่มคนตาบอด หรือกลุ่มที่มีปัญหาในเรื่องของการมองเห็น รวมทั้งการทำงานร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น เช่น มูลนิธิกระจกเงา ผ่านโครงการชรารีไซเคิล เพื่อเพิ่มรายได้ให้กลุ่มผู้สูงอายุไร้บ้านมาช่วยคัดแยกขยะ สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในผลิต หรือการต่อยอดกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากซากแห-อวน เพื่อนำผลิตภัณฑ์ส่งต่อให้โรงเรียน หรือชุมชน เพื่อช่วยกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ ให้เด็กๆ หรือเยาวชนในพื้นที่ได้เห็นประโยชน์จากการแยกขยะ ที่ทั้งช่วยเพิ่มรายได้ และยังสามารถสร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มแบบจับต้องได้
“การขับเคลื่อนเพื่อความยั่งยืนมีทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เราสามารถตอบโจทย์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว เหลือเพียงการกระตุ้นให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนให้มากขึ้น ดังนั้น ในปีนี้จะเพิ่มน้ำหนักในมิติของสังคมเพิ่มมากขึ้น และทำควบคู่กันไปกับความแข็งแรงที่ทำอยู่ เพื่อสร้าง Positive Impact ในหลายมิติได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการส่งต่อและมีความเป็น Universal ได้เพิ่มมากขึ้น”