มองเห็นโอกาสจากพัฒนาการของตลาดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ทั้งการให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับการเติบโตของตลาดโปรตีนจากพืช หรือ Plant-based Milk ในต่างประเทศ กลายเป็นหนึ่งในอานิสสงส์ในการเติบโตของตลาดนมถั่วเหลือง ซึ่งเป็นโปรตีน Plant-based ที่คุ้มค่าที่สุดประเภทหนึ่งยังคงสามารถรักษาการเติบโตในประเทศไทยไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับยังทำให้ ‘นมถั่วเหลืองแลคตาซอย’ ผู้นำในตลาดนมถั่วเหลืองของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งในตลาดที่ 56% จากมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท มองเห็นโอกาสในการขยายตลาดเครื่องดื่มสุขภาพไปยังกลุ่ม Plant-based ประเภทใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต เพื่อขยายโอกาสในการเติบโตได้มากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทางเลือกจากกลุ่ม Plant-based ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มมีมูลค่าสูง เช่นเดียวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งมูลค่าสูงกว่านมถั่วเหลืองหลายเท่าตัว
คุณมัลลิกา จิรพัฒนกุล ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขาย และเป็นหนึ่งในทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัท แลคตาซอย จำกัด ให้ข้อมูลว่า อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสใหม่จากเครื่องดื่มในกลุ่ม Plant-based ที่มากกว่าแค่นมถั่วเหลือง ซึ่งมองเห็นศักยภาพจากการเติบโตอย่างมากในต่างประเทศ ประกอบกับต้นทุนในการดำเนินธุรกิจกลุ่มนมถั่วเหลืองในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกรายการ ขณะที่ราคาขายจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าที่ให้ความคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค การมีสินค้ามูลค่าสูงเข้ามาช่วยเติมในพอร์ตจะเป็นโอกาสในการเติบโตได้มากขึ้น
“เรามีแผนจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่ม Plant-based ด้วยราคาให้คนทั่วไปยังสามารถจับต้องได้ง่าย มากกว่ามองหาแค่สินค้าที่ราคาสูง เพราะอยากให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพโดยทั่วไป สามารถบริโภคได้ในทุกๆ วัน และยังช่วยผลักดันให้ตลาดเติบโตได้ง่ายขึ้น ขณะที่นมถั่วเหลืองก็จำเป็นต้องปรับราคาขายขึ้นในรอบกว่า 20 ปี จากต้นทุนทุกรายการที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ถั่วเหลืองและนมผงที่ราคาเพิ่มขึ้นถึง 40% ไขมันพืชที่ราคาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ขณะที่บรรจุภัณฑ์ก็มีการปรับราคาขึ้นมาถึง 3 รอบแล้ว รวมทั้งต้นทุนในการกระบวนการผลิตอื่นๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในทุกรายการ ทำให้ในปลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทยอยปรับขึ้นรายการสินค้า รวมทั้งหนึ่งในสินค้าหลักที่มียอดขายราว 1 ใน 4 (เมื่อเทียบกับสินค้าในไซส์อื่นๆ) อย่าง แลคตาซอย 125 มิลลิลิตร ราคา 5 บาท ที่ได้ปรับขึ้นเป็น 6 บาท เป็นรายการท้ายๆ หลังจากไม่ได้ปรับราคามากว่า 17 ปี นับตั้งแต่เริ่มทำตลาดมาในปี 2548”
ด้าน คุณพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาดสัมพันธ์ บริษัท แลคตาซอย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้วางงบเพื่อทำการตลาดในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 25% อยู่ที่ราว 400 ล้านบาท เพื่อผลักดันการเติบโตเพิ่มขึ้นให้ได้อีกกว่า 5-8% ทั้งจากการเติบโตของตลาดในประเทศ รวมทั้งจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะใน Strategic Area อย่างตลาดอินโดไชน่าที่มีสัดส่วนยอดขายถึง 80% จากตลาดต่างประเทศที่มีการส่งออกไปมากกว่า 45 ประเทศ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตให้กับแลคตาซอยด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตได้ตามแผน ประกอบกับสามารถช่วยลดต้นทุนในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงมีแผนขยายกำลังผลิตเพิ่มเติมอีกกว่า 300 ล้านกล่อง เพื่อเพิ่มกำลังผลิตอีกกว่า 25% จากปัจจุบันมีกำลังผลิตรวม 1,131 ล้านกล่อง เป็นเกือบ 1,500 ล้านกล่อง รวมทั้งการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนเพิ่มเติมอีกกว่า 150 ล้านบาท เพื่อติดตั้งแผงโซลาร์ที่โรงงานปราจีนบุรี รวมทั้งการพัฒนาระบบบำบัดน้ำ เพื่อให้สามารถนำน้ำจากระบบการผลิตกลับมาหมุนเวียนใช้ได้ใหม่ รวมทั้งการนำแนวคิดด้านกรีนดีไซน์ต่างๆ มาปรับในการปรับปรุงอาคารต่างๆ ของบริษัทเพื่อให้สามารถลดการใช้พลังงานในภาพรวมได้เพิ่มมากขึ้น
ดึง ‘เปเปอร์ เพลนส์’ เสริมแบรนด์ สร้างผลกระทบเชิงบวก
แลคตาซอย ยังถือเป็นหนึ่งแบรนด์ที่มีความแข็งแรงในฟากซอฟต์ เพาเวอร์อย่างสูง ด้วยกลยุทธ์ Music Marketing เพื่อช่วยสื่อสารความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์ผ่านเนื้อเพลงมากว่า 17 ปี 11 เวอร์ชั่น แต่ตอกย้ำ Key Message ที่แข็งแรงของแบรนด์ ทำให้สามารถครองผู้นำในตลาดมาได้กว่า 10 ปี โดยเฉพาะ หนึ่งใน Main Category อย่าง แลคตาซอย 125 มิลลิลิตร ที่ในช่วงการบุกเข้ามาทำตลาดเมื่อราวปี 2548 ทั้งด้วยขนาดของไซส์ 125 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นความแตกต่างจากตลาดในขณะนั้น ประกอบกับระดับราคาที่คุ้มค่าเพียงแค่ 5 บาท ก็กลายเป็นจุดเด่นและจุดแข็ง ที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ นำมาใส่ไว้ในเนื้อเพลงเพื่อให้เข้าถึงและสร้างการจดจำให้แก่ผู้บริโภคได้ง่าย
ด้วยเนื้อร้องที่ทุกคน ในประเทศคุ้นเคยอย่าง “แลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร ปริมาณคับกล่อง เต็มที่ ดื่มได้ ดื่มดี ดื่มแลคตาซอย 5 บาท เต็มกล่อง!! ” ซึ่งได้กลายมาเป็นหนึ่งในเพลงติดหูคนไทย รวมทั้งยังทำให้ แลคตาซอย 125 มิลลิลิตร สามารถสร้างผลตอบรับได้อย่างเกินคาดหมายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จากเดิมตั้งใจเจาะกลุ่มเด็กเป็นหลัก แต่สุดท้ายสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย รวมทั้งยังเป็นหนึ่งใน Wish List สินค้าที่คนนิยมนำไปใช้ใส่บาตรทำบุญ เพิ่มโอกาสให้สามารถเติบโตได้จากอีกทางหนึ่ง
หรือแม้แต่การตอบรับของเพลง ที่เรียกได้ว่า คนไทย ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเจน ต่างร้องได้ ไม่ต่างจากเพลงฮิตยอดนิยมตลอดกาลอีกเพลงหนึ่งของไทย ทำให้เมื่อแลคตาซอยมีการปรับราคาในไซส์ 125 มิลลิลิตร ก็สร้างกระแสฮือฮาจนกลายเป็นไวรัล แต่สิ่งที่คนสนใจและจับตามองไม่แพ้เรื่องของการปรับราคา ก็คือ ‘เพลงใหม่’ ของแลคตาซอย 125 มิลลิลิตร ที่ออกมานั้นจะเป็นเพลงอะไร และเปลี่ยนเนื้อร้องไปว่าอย่างไร
ซึ่งทางแลคตาซอย ให้ข้อมูลว่าเพลงใหม่น่าจะออกมาได้ราวปลายๆ ไตรมาสแรก แต่สิ่งที่ไม่ต้องรอก็คือ ตัวพรีเซ็นเตอร์ คนใหม่ ที่น่าจะเป็นผู้มาขับร้องเพลงที่ทุกคนรอคอย ก็คือ ขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนมสุดฮ็อตและคนไทยทุกเพศทุกวัยในปัจจุบันอย่างวง ‘เปเปอร์เพลนส์’ (Paper Planes) ที่ประกอบด้วยสองหนุ่มอย่าง ‘ฮาย – นวา เกตุสุวรรณ’ และ ‘เซน – นครินทร์ ขุนภักดี’ นั่นเอง
โดยเหตุผลที่เลือกเปเปอร์ เพลนส์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์นี้ ทางแลคตาซอย ให้เหตุผลว่า มาจากทัศนคติที่ดีของทั้ง 2 หนุ่ม ซึ่งอาจจะแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่ได้เห็นในภายนอก ซึ่งเชื่อว่ามุมมองจากความแตกต่าง ในวิธีคิด และทัศนคติ จะเป็นอีกหนึ่งการช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมได้อีกทางหนึ่งเช่นเดียวกัน