รถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นยานพาหนะแห่งอนาคต ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปริมาณคาร์บอนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของภาวะโลกร้อน ทำให้หลายค่ายรถยนต์ต่างเร่งทำตลาดเพื่อดึงดูดให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
Lyft แพลตฟอร์มให้บริการรถยนต์พร้อมคนขับในสหรัฐฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ และบริการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดและกระตุ้นให้สมาชิกคนขับ Lyft เปลี่ยนมาขับรถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์สันดาป ซึ่งการผลักดันครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการไปสู่เป้าหมายที่ต้องการให้รถยนต์ทั้งหมดภายในแพลตฟอร์มเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 100% ภายในปี 2030
แพลตฟอร์ม Rideshare รายนี้ ได้ใช้มาตรการเพื่อจูงใจคนขับด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้ค่า Incentive ส่วนลดค่าชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งที่บ้านและนอกสถานที่ เว็บไซต์ให้ความรู้ และแผนต่างๆ ในการเพิ่มการเติบโตให้กับโปรแกรมการเช่ารถยนต์ โดยจะเริ่มใช้ในแคลิฟอร์เนียร์เป็นที่แรก เนื่องจากเป็นรัฐที่มีตลาด EV ใหญ่ที่สุดของบริษัท
Paul Augustine ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืนของ Lyft กล่าวว่า “การสร้างเครือข่ายการขนส่งด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นก้าวสำคัญในการช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
โดยคนขับที่ลงทะเบียนก่อนสิ้นปี 2023 จะสามารถได้รับเงินเพิ่มถึง 150 เหรียญในทุกสัปดาห์ หากคนขับคนนั้นให้บริการด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 50 เที่ยว จนถึงสิ้นปี 2024 โดยโปรแกรมนี้ ตั้งวงเงินเพื่อใช้ในการสนับสนุนไว้มากถึง 8,100 เหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ Lyft ยังคงวางกลยุทธ์ในการเพิ่มการให้บริการด้วยรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น พร้อมกับอำนวยความสะดวกให้กับคนขับในการเข้าถึงโปรแกรมการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า โดยแบรนด์ได้จับมือกับค่ายรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ เช่น Polestar, Hyundai, Kia และ Ford
อย่างไรก็ดี นับได้ว่าเป็นความท้าทายของวงการ Ride-hailing ก็ว่าได้ และหวังว่าความพยายามดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญที่แบรนด์ไหน ๆ ก็สามารถทำตามได้