อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ผนึก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ร่วมเปิดตัว สถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในนนทบุรี รวม 13 ช่องจอด หนุนประเทศไทยร่วมเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ ผนึก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผุดสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี รวม 2 สถานี 13 ช่องจอด รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
คุณพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่างบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อดำเนินการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT จำนวน 2 สถานี รวม 13 จุดจอด ได้แก่ 1.บริเวณอาคารจอดรถในร่ม P1 อาคารชาเลนเจอร์ รวม 9 ช่องจอด และ 2. บริเวณพื้นที่ลานจอดรถของโรงแรมโนโวเทล เป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว DC Fast Charge 60 – 125 kW รวม 4 ช่องจอด เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต และมีส่วนในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ตามเป้าหมายภายในปี 2573
“ในฐานะที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี รองรับผู้เข้ามาใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี ประกอบกับภาคการขนส่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งประเทศ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดในภาคขนส่ง ด้วยการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ รวมทั้งส่งเสริมการขับเคลื่อนนโยบาย 30@30 ของรัฐบาล ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ หรือ ZEV (Zero Emission Vehicle) ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี พ.ศ.2573″
ทั้งนี้ EleX by EGAT@IMPACT จะถือเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะที่มีจำนวนหัวชาร์จมากที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะเป็นผู้ลงทุนด้านสถานที่ ขณะที่ กฟผ. หรือ EGAT จะเป็นผู้ลงทุนด้านการติดตั้ง และบริการหลังการขายภายในสถานี
นายพอลล์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น จึงขอเป็นหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผสมผสานการใช้พลังงานของโลกพร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำภายในปี 2573
การพัฒนาบริการดังกล่าว เป็นการรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมขนส่งซึ่งถือเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ประกอบกับปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จึงเกิดเป็นความร่วมมือของประชาคมโลก เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นระยะ ขณะที่ในประเทศไทย รัฐบาลได้ออกมาตรการทางภาษีมาช่วยขับเคลื่อนในการเปลี่ยนผ่าน ทั้งการลดอัตราภาษีประจำปี การยกเว้นอาการศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การส่งเสริมสถานีอัดประจุไฟฟ้า การพัฒนากฎหมาย และระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุ เป็นต้น เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง