คอลเลคชั่นใหม่นี้เป็นการจับมือกันระหว่าง Converse กับ บริษัทค้าปลีกแนววินเทจสัญชาติอังกฤษอย่าง Beyond Retro ได้รวบรวมผ้ากำมะหยี่เก่ากว่า 800 ปอนด์ เพื่อนำมาอัพไซเคิลเป็นวัตถุดิบในการผลิตรองเท้ารุ่นดังกล่าวกว่าพันคู่
ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นการสร้างซัพพลายเชนในการคืนชีวิตให้กับเสื้อผ้าเก่าที่คนอาจมองข้าม และยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของแบรนด์ Converse ในการคิดนอกกรอบด้านความยั่งยืน ที่ต้องการผลิตรองเท้าจากขยะแฟชั่นให้มากขึ้น
จากข้อมูลของ The Ellen MacArthur Foundation ประมาณการว่า ทุกๆ วินาที จะเกิดขยะแฟชั่นประเภทเสื้อผ้า ถูกนำไปทิ้งในหลุมฝังกลบราว 1 คันรถบรรทุก เนื่องจากเทรนด์แฟชั่นที่มาเร็วไปเร็ว ส่งผลให้เกิดขยะแฟชั่นในปริมาณมาก
ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมแฟชั่นต่างขะมักเขม้นครุ่นคิดหาวิธีในการลดปริมาณขยะด้วยการอัพไซเคิลเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์ผลงานของแบรนด์ เช่น Levi ที่ผลิตกางเกงยีนส์ รุ่น 501 จากยีนส์ตัวเก่า เป็นต้น
ด้าน Brandon Avery หัวหน้านวัตกรรมแห่ง Converse เล่าว่า รองเท้าผ้าใบ Converse เหมาะสำหรับการนำผ้าอัพไซเคิลมาเป็นวัตถุดิบ โดยปกติแล้ว รองเท้ารุ่นไอคอนนิคอย่าง Chuck Taylor ผลิตจากผ้าแคนวาส แต่มันก็สามารถนำวัสดุอื่นมาทดแทนได้ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราผลิตรองเท้ารุ่นนี้จากวัสดุหลากหลายประเภท เช่น ผ้าเดนิมและผ้ากำมะหยี่
สำหรับรองเท้ารุ่นนี้จะผลิตจากผ้ากำมะหยี่สีแดงผสมดำ แต่เนื่องจากสีแดงมีหลากหลายเฉดและมีพื้นผิวที่ต่างกัน ดังนั้น จึงทำให้ลูกค้าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใครนั่นเอง โดยสีรองเท้าจะมีตั้งแต่สีแดงเบอร์กันดี ไปจนถึงสีแดงคริสต์มาสที่สว่างขึ้นเล็กน้อย โดยสนนราคาอยู่ที่ 95 เหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ดี การนำวัสดุแปลกใหม่มาผลิตเป็นรองเท้านับเป็นโอกาสของนักออกแบบในการสำรวจวัสดุอื่นๆ ที่เป็นไปได้ และก่อให้เกิดความยั่งยืน แม้ว่า Converse จะขายรองเท้าได้ 100 ล้านคู่ ในทุกๆ ปี แต่เป้าหมายสำคัญของแบรนด์ก็คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากวัสดุผ้าเก่าที่มีอยู่ให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะใช้วัสดุใหม่เอี่ยม เพื่อให้ผ้าเก่าที่ถูกเมินกลับมามีชีวิตอีกครั้ง