ให้ความสำคัญกับการนำแนวคิด Green Design ผสมผสานไปในทุกโครงการที่พัฒนา เพื่อเป็นทั้งการสร้างความแตกต่างในโครงการ โดยเฉพาะการเติมฟีเจอร์ที่ช่วยทั้งยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัย รวมทั้งคำนึงถึงการมีคุณภาพชีวิตดีของลูกบ้านทุกคน
รวมถึงในโครงการแฟล็กชิปแห่งใหม่ของศุภาลัย ซึ่งเป็นการบุกไปในทำเลที่ยังไม่เคยพัฒนามาก่อนอย่าง “ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน” ที่เรียกได้ว่า ผู้พัฒนาโครงการอย่างศุภาลัย ยอมสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เพื่อนำพื้นที่ในโครงการซึ่งสามารถนำไปพัฒนาห้องเพื่อเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ มาออกแบบเป็น Public Space ภายในตัวอาคารเพื่อเพิ่มทั้งพื้นที่รับโอโซน รวมทั้งพื้นที่ Social Interaction เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีโอกาสในการสร้างปฏิสัมพันธ์สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันได้
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการขยายการลงทุนในโครงการของศุภาลัยครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นครั้งแรกของการลงทุนในหัวหิน และถือเป็นจังหวัดที่ 23 (จ.ประจวบคีรีขันธ์) ในแผนที่ธุรกิจของศุภาลัย กับโครงการ “ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน” ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 28 ชั้น (ชั้นเพื่อการอยู่อาศัย 27 ชั้น) จำนวนยูนิตรวม 525 ยูนิต ซึงเป็นร้านค้า 3 ยูนิต มีรูปแบบห้องที่หลากหลาย ตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 3 Bedrooms มีขนาดห้องตั้งแต่ 29.5 – 128 ตร.ม. พื้นที่รวม 7 ไร่ มูลค่าโครงการราว 1,200 ล้านบาท
จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ คือ เอกลักษณ์ด้านงานสถาปัตยกรรม ซึ่งบนยอดตึกจะมี “วาฬสีน้ำเงิน” หรือ “Blue Whale” เจ้าสมุทรที่ใช้ชีวิตโลดแล่นอย่างอิสระในท้องทะเล รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความสุข อบอุ่น ใจดี และอยู่กันเป็นครอบครัว รวมทั้งยังเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งนำมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อตีความในการจัด Landscape รวมทั้งการตกแต่งภายในโครงการให้เหมือนอยู่ในโลกใต้ท้องทะเล เพื่อสร้างให้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของหัวหิน
ด้วยความแตกต่างในการออกแบบ ทำให้ทุกห้องในโครงการนี้จะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากทุกห้อง ด้วยทำเลที่ติดทั้งภูเขาและทะเล ซึ่งการออกแบบให้องศาของตึกสามารถมองเห็นทะเลได้จากระเบียงห้องของทุกยูนิต เพื่อได้บรรยากาศของเมืองตากอากาศอย่างหัวหินอย่างแท้จริง ที่สำคัญในทุกๆ ชั้นจะมีการปล่อยพื้นที่บริเวณด้านหน้าลิฟต์ ซึ่งโครงการทั่วๆ ไป จะเป็นห้องพักอาศัยเลย แต่ในบลูเวลจะออกแบบให้บริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็น Pocket Garden หรือทำเป็นสวนขนาดเล็ก และเปิดส่วนหัวท้ายของอาคารไว้ให้เป็นพื้นที่โล่ง ทำให้สูญเสียโอกาสในการนำพื้นที่ไปขาย ตีเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่าชั้นละ 2 ล้านบาท หรือมากกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการออกแบบตกแต่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วย
โดย ดร.ประทีป ให้เหตุผล ในการยอมสูญเสียโอกาสทางธุรกิจจำนวนหลายสิบล้านบาท ในครั้งนี้ว่า “ต้องการทำให้โครงการมีความแตกต่างจากโรงแรม หรือที่พักอื่นๆ ในหัวหิน โดยมีพื้นที่สีเขียวอยู่ภายใน และเปิดโล่งเพื่อให้อากาศธรรมชาติสามารถผ่านเข้ามาได้ ทำให้ผู้อยู่อาศัยจะได้รับโอโซนจากธรรมชาติ รวมทั้งเป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อสร้าง Social Interaction ของผู้อยู่อาศัย ให้มีโอกาสได้พบปะหรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเพื่อให้บรรยากาศการอยู่อาศัยภายในโครงการมัความ User Friendly พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและเติมเต็ม Living Experience ของผู้อยู่อาศัยได้มากยิ่งขึ้นด้วย” ดร.ประทีป กล่าว
โครงการบลูเวล หัวหิน ยังเลือกใช้วัสดุเพื่อตอบโจทย์ Green Design โดยเลือกใช้ Hybrid Concrete ไม่อมความร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีการวางผังอาคารตามหลักทิศทางแสงและลม เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งการเลือกใช้ อิฐมวลเบาที่ลดการปล่อย CO2 ในกระบวนการผลิต และกระจกเขียวตัดแสง ที่ช่วยกรองแสงได้ถึง 40% ซึ่งทำให้ห้องพักเย็นสบาย แม้ไม่ได้เปิดแอร์ ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ และหลอดไฟ LED ทั้งโครงการ อีกทั้งยังใส่ใจในการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระเบื้องห้องน้ำและกระเบื้องระเบียง ที่ลดการใช้น้ำในการผลิตถึง 25% และท่อสุขาภิบาลสั่งตัดพอดีกับการใช้งาน เพื่อลดขยะจากการเสียเศษท่อน้ำอีกด้วย
นอจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการไว้อย่างครบครัน พร้อมด้วยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) จำนวน 4 ช่องจอด การเพิ่มความปลอดภัยแบบส่วนตัวในทุกห้องด้วยประตู Digital Door Lock และเข้า-ออกอาคารด้วยระบบ Face Scan อุ่นใจ 100 % กับระบบรักษาความปลอดภัยพร้อมกล้อง CCTV 24 ชั่วโมง
ด้าน คุณไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน ยังถือเป็นการลงทุนโครงการอสังหาครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยเฉพาะโซนพื้นที่ในใจกลางเมืองหัวหิน ซึ่งถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพทั้งแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ ทำให้สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่ ที่ต้องการมีบ้านหลังแรก หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการมองหาบ้านตากอากาศในทำเลที่มีศักยภาพ ไปจนถึงกลุ่มหลังเกษียณทั้งไทยและต่างชาติ ด้วยจุดเด่นทั้งบรรยากาศ และการอยู่ใกล้ชุมชน ทำให้มีความสะดวกในการใช้ชีวิต รวมทั้งตอบโจทย์นักลงทุน ที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นโครงการที่ราคาสามารถจับต้องได้ รวมทั้งโครงการยังการันตีผลตอบแทนการลงทุน ในอัตรา 6% ช่วง 3 ปีแรก และยังให้อยู่ฟรีได้อีก 15 วัน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เชื่อว่าจะสามารถดึงดูดกลุ่มนักลงทุนได้อย่างดี เนื่องจากราคาเพียง 1.69 ล้านบาท สำหรับห้องตกแต่งครบแบบ Fully Furnished และคาดว่าจะมียอดจองเข้ามาราว 50% ในช่วงการเปิดตัว
“ศุภาลัย บลูเวล ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองหัวหิน ถนนเส้นหัวหิน-ห้วยมงคล เป็นทำเลที่มีจุดแข็งด้านการสัญจร เดินทางสะดวกไร้ปัญหารถติดเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ภายใน 5 นาที และช่วงฝนตกหนักก็ยังไร้ปัญหาน้ำท่วมขังอีกด้วย อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ ใกล้ตลาดโต้รุ่งหัวหินเพียง 2 ก.ม. นอกจากนี้ยังใกล้สนามกอล์ฟ ศูนย์การค้า ตลาดนัด โรงพยาบาล โรงเรียน และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะการออกแบบโครงการตามแนวคิดกรีนดีไซน์ ที่จะเป็นอีกหนึ่งความแตกต่าง และจะมีในทุกโครงการของศุภาลัยจากนี้ไป ด้วยราคาที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ ต่างจากโครงการทั่วไปหากมีฟังก์ชันที่ยกระดับการอยู่อาศัย มักจะเป็นโครงการระดับบน ที่ราคาอาจจะจับต้องได้ยาก แต่เรามีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี รวมทั้งไม่ได้มีต้นทุนจากราคาที่ดินที่สูงมาก ทำให้สามารถมอบเบเนฟิทในการอยู่อาศัยเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเติมเต็มประสบการณ์ในการอยู่อาศัยของผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น”
ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง “ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน” ที่สำนักงานขายโครงการ ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน ซึ่งได้เปิดพรีเซลแล้ว เมื่อ 26-27 พ.ย. 2022 ที่ผ่านมา หรือหากไม่สะดวกเดินทางสามารถจองผ่านสำนักงานขาย โครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร โดยสามารถติดตามข่าวสาร สิทธิพิเศษ หรือโปรโมชันเพิ่มเติม ได้ที่ www.supalai.com หรือทาง Facebook: SupalaiSociety และยังสอบถามข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1720 หรือรับชมห้องตัวอย่างในรูปแบบ 360 องศา Virtual Tour Online และรับชมวิวจากห้องจริงแบบพาโนราม่าได้ที่ https://visualpanorama.com/Golive/supalai/bluewhale/