เริ่มกลับมาเห็นความเคลื่อนไหวของแบรนด์ในทิศทางที่เชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนตามแนวทางของความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น สำหรับแบรนด์โทรศัพท์ยักษ์ใหญ่สัญชาติฟินแลนด์ที่ทำตลาดมากว่า 150 ปี อย่าง ‘โนเกีย’ (NOKIA) ที่แม้ว่าในช่วงหลังมานี้ อาจถูกกระแสดิจิทัลดิสรัปจนซวนเซไปบ้าง แต่ก็ยังคงครองผู้นำที่แข็งแกร่งในฟากฟีเจอร์โฟนของโลกรวมทั้งในประเทศไทยไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดในตลาดประเทศไทย คือการเปิดตัวโทรศัพท์ในเซ็กเมนต์ระดับบนอย่าง NOKIA X30 5G ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรักษ์โลกรุ่นแรกของประเทศไทย ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นหลักในการผลิตเกือบทั้งหมด ตั้งแต่ตัวเครื่องตลอดจนกล่องบรรจุภัณฑ์ที่พยายามใช้กระดาษรีไซเคิลทดแทนพลาสติกและสารที่เป็นเคมี เน้นวัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด บนแนวคิด Play the long game “รักษ์โลก ช่วยกันดูแลให้โลกอยู่กับเราไปนาน ๆ เริ่มได้จากตัวเรา” โดยเลือกไทยเป็นประเทศแรกของเอเซียแปซิฟิกต่อจากกลุ่มประเทศในยุโรป รวมทั้งเริ่มวางขายพร้อมกันทั่วทั้งโลก โดยนำร่องในช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
คุณภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD) เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริมแบรนด์โนเกีย กล่าวว่า การเปิดตัว Nokia X30 5G ถือเป็นการเริ่มกลับมาทำตลาดระดับกลางถึงบนในประเทศไทยของโนเกียอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้าจะโฟกัสการทำตลาดกลางและล่าง รวมทั้งในกลุ่มฟีเจอร์โฟนเป็นหลัก เพื่อสะท้อนว่ายังคงให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทย และจะทยอยส่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมี่ยมและแฟล็กชิพ เข้ามาทำตลาดต่อจากนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้โนเกียในประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์โฟน กลุ่มคนเพิ่งเริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟน หรือกลุ่มที่มองหาความคุ้มค่าและคุณภาพในการใช้งาน รวมทั้งจะเพิ่มการลงทุนในฐานะหนึ่งตลาดหลักของโนเกียอย่างเหมาะสมในอนาคต
ขณะที่รุ่นล่าสุดอย่าง Nokia X30 5G ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดของโนเกีย เนื่องจาก
– เลือกใช้วัสดุในการผลิตที่ผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% รวมทั้งพลาสติกรีไซเคิลในสัดส่วนสูงถึง 65%
– การลดขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลง เพื่อช่วยประหยัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการขนส่ง รวมทั้งยังผลิตจากกระดาษรีไซเคิล 94% ที่ได้รับการรับรอง 100% จาก FSC
– อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีความทนทานมากขึ้น สามารถชาร์จซ้ำได้มากกว่า 800 รอบ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่จะชาร์จได้ราว 400 -500 รอบเท่านั้น
– นอกจากนี้ยังคงรักษา DNA ของโนเกียในด้านความแข็งแรง ทนทานทั้งตัวเครื่อง รวมทั้งมีบริการอัปเดตระบบปฏิบัติการและความปลอดภัยในการใช้งานเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยให้สามารถใช้เครื่องได้ยาวนานมากขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องบ่อยๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศของโลก
“หากจะเปรียบเทียบในอุตสาหกรรมแฟชั่น เราก็จะไม่ใช่กลุ่ม Fast Fashion ที่เน้นการทำตลาดหวือหวา มาเร็วไปเร็ว แข่งกันอัพเดทรุ่นใหม่ ฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่กลยุทธ์ของเราคือ Play the long game ที่เน้นการตอกย้ำดีเอ็นเอของความเป็นโนเกียให้แข็งแรง ด้วยการโฟกัสที่คุณภาพ ความทนทานของเครื่อง ให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน และมีความมั่นใจได้ตลอดการใช้งาน บนแนวทาง Love it. Trust it. Keep it. เพราะเชื่อว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มปริมาณจนน่าเป็นห่วง โดยในปี 2564 ที่ผ่านมาเพียงปีเดียวมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 57.4 ล้านตันเลยทีเดียว”
รักษ์โลกพร้อมฟังก์ชันที่แข่งขันได้
แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาฟีเจอร์และฟังก์ชั่นให้ตอบโจทย์การใช้งานก็เป็นเรื่องที่ทางโนเกียให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เนื่องจาก การชูจุดแข็งในการเป็น Eco-friendly Brand เพียงอย่างเดียว ไม่มากพอที่จะสามารถดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อหรือยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่าได้ เช่น ในรุ่นล่าสุดได้ใส่เทคโนโลยี Pure View ในกล้องหลัก 50 MP ที่ให้ภาพคมชัดจากประสิทธิภาพของ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด ในราคาที่คุ้มค่า รวมทั้งการใช้โลหะในการผลิตตัวเครื่องและจอที่มีความแข็งแรง ทำให้ใช้งานได้อย่างยาวนานและคุ้มค่า
นอกจากนี้ เจ้าของลิขสิทธิ์แบรนด์โนเกียอย่าง HMD ยังสามารถคว้ารางวัล Ecovadis Rating ถึง 3 ปีซ้อน และได้ Ranking ดีขึ้นเรื่อยๆ จาก Silver ในปี 2020 ระดับ Gold ในปี 2021 และในปีล่าสุด สามารถคว้าระดับ Platinum ซึ่งมีบริษัทเพียง 1% ของโลกที่สามารถทำมาตรฐานนี้ได้ ซึ่งเป็นการการันตีระบบการผลิต ออกแบบ ทำตลาด ตลอดทั้งซัพพลายเชนที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อโลกให้น้อยที่สุด
ทั้งนี้ หากดูนโยบายในการขับเคลื่อนแบรนด์โนเกีย จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนตามแนวทาง Eco-friendly มาอย่างต่อเนื่อง โดยการผลิตโทรศัพท์ทุกรุ่น จะมีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลอยู่ทั้งสิ้น โดยเฉพาะรุ่นล่าสุดที่ใช้มากที่สุดและจะเพิ่มสัดส่วนของปริมาณการใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ประกอบกับการเปิดบริการ Circular หรือบริการเช่าเครื่องในยุโรป เพื่อลดการสร้าง e-Waste ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กร ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มจะนำบริการนี้เข้ามาในประเทศไทยเช่นกัน แต่อาจต้องดูช่วงเวลาและรุ่นที่เหมาะสมสำหรับบริการดังกล่าว
ส่วนแนวทางการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในประเทศไทยนั้น ทางโนเกียยังคงเน้นการตอกย้ำกลยุทธ์ Play the long game และสร้างการรับรู้ถึง DNA ในเรื่องของคุณภาพและความทนทาน ที่มอบความคุ้มค่าในการใช้งาน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็น NOKIA Fan โดยตั้งเป้าให้มีปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกปี โดยเฉพาะการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และมีความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมในการช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง