พลังงานนับเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเราเป็นอย่างมาก โดยตั้งแต่ปี 2000 การบริโภคพลังงานได้เพิ่มขึ้น 1 ใน 3 และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้นี้
จากการประมาณการของเว็บไซต์ the World Counts พบว่า ในปี 2040 การบริโภคพลังงานจะสูงขึ้นถึง 740 เทราจูล หรือ เทียบเท่าการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอีก 30% พูดง่ายๆ ก็คือตั้งแต่ปี 2000 ถึงปี 2040 การบริโภคพลังงานโดยรวมทั้งโลกเติบโตขึ้นราว 77% นั่นเอง
การหวังพึ่งพิงพลังงานจากฟอสซิลเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากปริมาณที่ลดลงเรื่อยๆ กอปรกับผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเผาไหม้ของพลังงานที่มีแหล่งกำเนิดจากฟอสซิล ทำให้ในปัจุจุบันการมองหาแหล่งพลังงานหมุนเวียนจากทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ เพื่อทดแทนพลังงานแบบดั้งเดิมมีเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทด้านวิศวกรรมชื่อว่า Sea Wave Energy Limited หรือ (SWEL) ซึ่งตั้งอยู่ในอังกฤษและไซปรัสได้คิดค้นและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่ดูแปลกตาและมีความโดดเด่นในการเป็นตัวแปลงคลื่นน้ำให้เป็นพลังงาน เจ้าสิ่งนี้คล้ายกับทางเดินลอยน้ำ มีลักษณะคล้ายกับกระดูกสันหลังสีเหลืองลอยอยู่บนผิวน้ำมีชื่อเรียกว่า the Waveline Magnet
The Waveline Magnet ประกอบไปด้วยแท่งลอยน้ำหลายแท่งที่ประกอบเข้ากับระบบพลังงานส่วนกลางที่มีหน้าตาเหมือนกระดูกสันหลัง ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและเป็นแบบแยกชิ้นส่วน แต่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะอยู่รอดในทุกสภาพน้ำ หรือแม้กระทั่งในมหาสมุทรที่มีคลื่นแรง นอกจากนี้ เจ้า WEC ยังสามารถควบคุมปริมาณพลังงานที่จะถูกแยกออกจากคลื่นได้ และไม่ทำให้เกิดสิ่งก่อกวนต่อระบบนิเวศน้ำ
โดยตัวแปลงพลังงานจากคลื่นทะเลชิ้นนี้ได้รับการออกแบบด้วยความเรียบง่ายและง่ายต่อการซ่อมแซมและการบำรุงรักษา แถมมีราคาค่อนข้างประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆในปัจจุบัน โดยวัสดุที่นำมาใช้นั้นเป็นวัสดุรีไซเคิลที่บริหารจัดการได้อย่างพลาสติกเสริมเส้นใย ที่ยิ่งทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้มีความยั่งยืนนั่นเอง
ด้าน SWEL ชี้ให้เห็นว่า จากการทดลอง The Waveline Magnet ในสนามจริง พบว่า ตัวแปลงพลังงาน 1 แท่ง สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์ และก็แน่นอนว่ายิ่งคลื่นแรงเท่าไหร่มันก็จะสามารถดึงพลังงานได้มากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทดลองตัวแปลงพลังงานจากคลื่นในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมและในแหล่งน้ำเปิดต่างๆ และทางบริษัทคาดว่าจะผลิตอุปกรณ์นี้เชิงพาณิชย์หลังจากการทดลองเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้บริษัทหรือผู้บริโภคที่สนใจเทคโนโลยียั่งยืนชนิดนี้ได้ลองใช้และเป็นเจ้าของต่อไป