หนึ่งในปัญหาคลาสสิกของเหล่า Pet Lover ที่บางครั้งอยากให้รางวัลพวกเด็กๆ ทั้งหลาย เพราะชอบฟีลลิ่งหน้าฟินๆ ของบรรดาเจ้าพวกต้าวทั้งหลาย ที่เวลาได้กินขนมอร่อยๆ แล้วจะดูมีความสุข อารมณ์ดี จนทำให้คนเลี้ยงอย่างเรามีความสุขตามไปด้วย
แต่อีกใจหนึ่งก็อดที่จะเป็นห่วงสุขภาพบรรดาลูกๆ ตัวน้อยเหล่านี้ไม่ได้ เพราะการแสดงความรักด้วยการให้กินขนมมากๆ ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน จากสารปรุงแต่งต่างๆ ที่อยู่ในขนม ทำให้เป็นอันตรายต่อตับ ไต หรืออวัยวะต่างๆ ของสัตว์เลี้ยงได้เช่นเดียวกัน
กลายมาเป็นแนวคิดในการผลิตแบรนด์ขนมน้องหมา “PURE Joy” (เพียวจอย) โดย บริษัท เทลลี่ บัดดี้ จำกัด (Taily Buddy) ที่มีความคิดอยากทำ ‘ขนมที่ดี’ ให้น้องหมา ที่เมื่อกินแล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของน้องหมาในระยะยาว จึงพยายามศึกษาว่า ขนมที่ดีสำหรับน้องหมาต้องเป็นอย่างไร แต่ยังไม่สามารถเจอแบรนด์ใดที่สามารถตอบโจทย์ตามที่ต้องการได้ นำมาสู่ไอเดียการผลิตแบรนด์ของตัวเองในเดือนกันยายน 2019 ที่ต้องการผลิตขนมน้องหมาที่ไม่ใส่สารเคมีปรุงแต่งใดๆ ลงในขนมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเกลือ น้ำตาล สารกันบูด รวมทั้งไม่มีการแต่งสี หรือรสชาติใดๆ อีกด้วย
นอกจาก PURE Joy จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาของเหล่า Pet Lovers ในเรื่องสุขภาพของน้องหมาได้แล้ว ยังเผื่อความรักความใส่ใจไปสู่โลก และสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้แพกเกจห่อขนมแบบสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% จากการเลือกใช้แพ็กเกจที่เป็นกระดาษคราฟเคลือบ PLA (Biofilm) ภายใต้สโลแกนว่า “Love Pet, Love Planet” รักสัตว์เลี้ยง แล้วก็รักษ์โลกไปได้ด้วยกัน
คุณวิภา บัณฑิตลักษณะ กรรมการผู้จัดการ Taily Buddy ผู้พัฒนาขนมเพื่อสุขภาพน้องหมา PURE Joy กล่าวถึงความท้าทายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ที่มีหลายปัจจัย ทั้งรสชาติ และระยะเวลาในการวางขายสินค้า (Shelf life) เนื่องจาก การไม่ใส่สารปรุงแต่งใดๆ แต่ต้องทำให้มีรสชาติดีที่สุนัขชื่นชอบได้ด้วย รวมท้ังการหาโรงงานที่ได้มาตรฐานสากลมาช่วยการผลิต เพื่อสามารถขยายตลาดในอนาคตได้ ประกอบกับการใช้ฉลากที่เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม ทำให้เชล์ฟไลฟ์ของขนมอยู่ได้ 6 เดือน ซึ่งถือว่าสั้นกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่มักจะอยู่ได้ประมาณ 2 ปี แต่เมื่อเทียบกับการส่งมอบ Value อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่จากในประเทศ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโต สุขภาพที่ดีมากกว่าของสัตว์เลี้ยงแม้จะบริโภคทุกวันก็ตาม รวมไปถึงการใช้แพกเกจแบบที่ทุกส่วน แม้แต่ซิปล็อก สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติทั้ง 100% ทำให้ไม่สร้างภาระให้สิ่งแวดล้อม
ความท้าทายสุดท้ายอยู่ที่การสื่อสารคุณค่าต่างๆ ของแบรนด์ไปสู่ผู้บริโภค เพื่อสร้างแนวร่วมในการสนับสนุนนวัตกรรมใหม่สำหรับ Pet Lovers ที่ไม่ได้มองสัตว์เลี้ยงเป็นแค่สัตว์เลี้ยงแต่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว และจะให้ความสำคัญในการเลือกสรรอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงความใส่ใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพรัอมๆ กัน ตามคอนเซ็ปต์ “Love Pet, Love Planet” ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วยเช่นเดียวกัน