นับเป็น Business Unit ที่ต่อยอดมาจากความแข็งแกร่งของแบรนด์เซ็นทรัลอย่างแท้จริง ทำให้แม้จะเริ่มเข้ามาในธุรกิจที่อยู่อาศัยอย่างจริงจังเพียงไม่กี่ปี นับจากเริ่มก่อสร้างโครงการแรกในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2016 และสามารถส่งมอบโครงการล็อตแรกให้ลูกค้าได้ในปี 2018
แต่ปัจจุบัน ‘บ้านเซ็นทรัล’ หรือธุรกิจกลุ่ม Residential ภายใต้การขับเคลื่อนของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ก็ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในทุกพื้นที่ที่มีการขยายโครงการเข้าไปเป็นอย่างดี โดยสามารถขยายการลงทุนได้ราว 20 โครงการ ครอบคลุม 12-13 จังหวัด กลายเป็นหนึ่งใน BU ที่สร้างรายได้ให้กลุ่มซีพีเอ็นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท หรือมีสัดส่วนรายได้ราว 7-8% พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในกลุ่ม ‘บ้านเซ็นทรัล’ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้เติบโตได้มากกว่าเท่าตัว หรือราว 15% ภายใน 5 ปีข้างหน้า
คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีพีเอ็น กล่าวว่า ในฐานะผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากว่า 40 ปี จากการพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล รวมถึงโครงการอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย และโรงแรมทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำการเป็น Retail-Led Mixed-Use Development ช่วยสร้างท้ังความแตกต่างและเป็นจุดเด่นให้ ‘บ้านเซ็นทรัล’ เหนือจากคู่แข่ง ช่วยเซ็ตมาตรฐานและยกระดับการอยู่อาศัยให้กับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์ ด้วยแนวคิด ‘The Ecosystem of Quality Living’ ทำให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั่วประเทศ ด้วย Market Insight ที่มี จึงเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการลูกค้าโลเคชั่นต่างๆ เป็นอย่างดี ทั้งในเมืองหลัก และเมืองรอง ตามแนวทางการพัฒนาศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา หรือเซ็นทรัลกรุ๊ป โดยเฉพาะลูกค้าหลักในกลุ่ม Affluent Urbanists ที่มีความต้องการบ้านในหลากหลายวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการ ‘ซื้ออยู่เอง’ ด้วยความมั่นใจในแบรนด์, คุณภาพ และโลเคชั่นของบ้านเซ็นทรัล
หรือกลุ่ม ‘ซื้อเพื่อการพักผ่อน’ ที่มองหา Second Home เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Shop-cation และ Weekend House รวมไปถึงการ ‘ซื้อเพื่อลงทุน’ ซึ่งกลุ่มนี้จะมองหา asset ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ ซึ่งผลตอบแทนหรือ yield ของบ้านเซ็นทรัลถือว่ามีความน่าดึงดูดได้ที่ระดับสูงถึง 4-5% เลยทีเดียว
“กลุ่มบ้านเซ็นทรัลมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในช่วง 5 ปี ข้างหน้านี้เพิ่มเติมอีกกว่า 50 โครงการ เพื่อให้มีโครงการครอบคลุมใน 27 จังหวัด จำนวน 70 โครงการ และมีลูกบ้าน 20,000 ครอบครัว ส่วนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 นี้ ตั้งเป้ายอดขาย 5,500 ล้านบาท และรายได้ 3,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้รวม 6 โครงการ มูลค่าโครงการโดยรวม 6,500 ล้านบาท ประกอบด้วย 4 โครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ ESCENT ที่สุราษฎร์ธานี, สุพรรณบุรี, ฉะเชิงเทรา และตรัง มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท รวมทั้งโครงการแนวราบ 2 โครงการคือ นินญา ราชพฤกษ์ และนิรติ เชียงใหม่ มูลค่า 2,500 ล้านบาท”
ด้าน ร.อ. กรี เดชชัย President, Residential Business ซีพีเอ็น เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า การขับเคลื่อน ‘บ้านเซ็นทรัล’ สอดคล้องกับนโยบายของซีพีเอ็นที่ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน สังคม และชุมชน โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ ‘คุณภาพ’ ในทุกส่วนทั้งการพัฒนาโครงการบ้าน, คุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย
‘บ้านเซ็นทรัล’ โดยเซ็นทรัลพัฒนา จึงมีจุดแข็งที่โดดเด่นในการเชื่อมต่อ Retail & Residential Integration ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1) Best in Town แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้านได้ครบถ้วน ทั้งการช้อปปิ้งในศูนย์การค้า, ทานอาหารในโรงแรม และทำงานในอาคารออฟฟิศชั้นนำ อีกทั้งโครงการของเรายังเป็น Valuable Asset ที่มีมูลค่าน่าลงทุน
2) Beyond Quality คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมาย โดยมีเป้าหมายในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ส่วนตัวที่มากกว่า พื้นที่อรรถประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งพื้นที่สีเขียวที่มีสูงสุดถึง 35% ของพื้นที่ขาย ซึ่งมากกว่าโครงการทั่วไป โดยเน้นความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ โดยรอบโครงการ
นอกจากนี้ ยังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยด้วยสมาร์ทเทคโนโลยี การดูแลคุณภาพอากาศ การดูแลบริหารงานโดยนิติบุคคลของเซ็นทรัลพัฒนา รวมไปถึงการคำนึงถึงการพัฒนาโครงการตามแนวทางการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน เพื่อให้สามารถพิชิตเป้าหมาย NET ZERO ในปี 2050 ด้วยการใช้วัสดุและเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบ อาทิ คัดเลือกพรรณไม้ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 และการสานต่อโครงการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น รวมกับทางกลุ่มซีพีเอ็น รวมไปถึงการติดตั้งโซลาร์เซลเต็มรูปแบบในพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมด้วยบริการ EV Charger Station, ระบบจัดการน้ำเสีย, จุดรับขยะ รีไซเคิล เป็นต้น
3) Strong Synergy ผนึกกำลังในเครือเซ็นทรัล เติมเต็ม Lifestyle Journey ต่อเนื่อง โดยลูกบ้านทุกรายจะได้สิทธิประโยชน์จากกลุ่มเซ็นทรัลตั้งแต่วันแรกของการเข้ามาเป็น ‘ลูกบ้านเซ็นทรัล’ อาทิ บริการ Central Pattana Concierge บริการผู้ช่วยส่วนตัว, แม่บ้าน, และบริการอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจในโครงการมิกซ์ยูส, พร้อมรับสิทธิ์อัปเกรดเป็น The 1 Exclusive หลังจากโอนบ้าน มาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย, ส่วนลดพิเศษจาก Central, Robinson, Tops Online, PowerBuy และบริการเพื่อคนรักบ้านจาก Home Service และ BnB Home เป็นต้น ซึ่งถือเป็นจุดต่างที่ไม่มีผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใดสามารถมอบให้ได้
สำหรับพอร์ตโฟลิโอของ Central Pattana Residential มุ่งมั่นที่จะส่งมอบโครงการคุณภาพภายใต้แบรนด์และฟอร์แมตที่หลากหลาย ทั้งแนวสูงและแนวราบ ได้แก่ ESCENT คอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ติดศูนย์การค้า ระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า ที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์คนเมือง, PHYLL คอนโดมิเนียม ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ, NIYHAM บ้านระดับ 25 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า Wealth ที่เป็นครอบครัวใหญ่, NINYA บ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า YOUNG GENERATION ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และ NIRATI บ้านระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวเริ่มต้นที่ต้องการสร้างครอบครัวของตัวเอง
และเพื่อเป็นการแนะนำโครงการ ‘บ้านเซ็นทรัล’ สำหรับโครงการใหม่ในปี 2565 นี้ ซึ่งจะทยอยเปิดได้ภายในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ ทั้งโครงการบ้านแนวราบ และคอนโดมิเนียม ได้แก่ คอนโดมิเนียม 4 โครงการภายใต้แบรนด์ ESCENT ได้แก่ ที่สุราษฎร์ธานีติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี และมีโครงการที่ติดกับ Robinson Lifestyle อีก 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และตรัง รวมถึงโครงการแนวราบ 2 โครงการคือ นินญา ราชพฤกษ์ และนิรติ เชียงใหม่ ทางซีพีเอ็นได้จัดงาน Imagining Better Living บริเวณโซนเซ็นทรัลคอร์ท ลิฟต์แก้ว ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จนถึง 24 ก.ค. 2565 ซึ่งได้รวบรวม ‘บ้านเซ็นทรัล’ กว่า 10 โครงการทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสูงสุดถึง 8 ล้านบาทภายในงานเท่านั้น ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานรับคะแนน The 1 สูงสุดถึง 1,000 คะแนน โดยสามารลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ https://bit.ly/3IdQQKV