อ๊อตเทริ แตกธุรกิจเพื่อสังคม ‘ชูมณี’ จับมือกระจกเงา เปิดรถซักผ้าเคลื่อนที่ ช่วยคนไร้บ้านเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

ผู้นำธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักอ๊อตเทริ (Otteri) ​ขยายแบรนด์ “ชูมณี”​ สำหรับดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม เปิดตัว Laundry Move รถซักผ้าเคลื่อนที่ได้ บริการกลุ่มคนไร้บ้าน พร้อมช่วยสร้างงานกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน มาทำงานที่ร้านสะดวกซักใกล้บ้าน ​

​บริษัท เค-เน็กซ์​ คอปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก otteri wash & dry  ขยายการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมในชื่อว่า “ชูมณี”​ ภายใต้ปรัชญา การมองเห็นและไม่เพิกเฉยต่อปัญหา คือ การสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับสังคม​​ ส่วนชื่อชูมณี ​มาจากความเชื่อที่ว่า ในสังคมจะมีสิ่งที่มีค่า หรือ ‘มณี’  อยู่รอบๆ ตัวเสมอ แค่เราช่วยขัดเกลา เจียระไน มณีเหล่านั้นก็จะสามารถส่องแสงเปล่งประกายได้

สำหรับการขับเคลื่อนโครงการของชูมณี มาจากการมองเห็นปัญหาต่างๆ ในสังคม และพยายามนำธุรกิจไปเป็นหนึ่งแนวทางช่วยแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาให้ผ่อนคลายลงได้บ้าง เร่ิมด้วยการช่วยสร้างงานให้กลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน ​จากการกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ของประเทศไทย ซึ่งในปี 2583 จะมีจำนวนผู้สูงอายุสูงถึง 20 ล้านคน หรือคิดเป็นจำนวน 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศไทย และประชากรที่เกิดระหว่างปี 2506-2526 กำลังจะกลายเป็นผู้สูงอายุ ​ ขณะที่ข้อมูลพบว่า มีผู้สูงอายุเพียง 40% เท่านั้น ที่มีรายได้พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หลังจากเกษียณ ​แต่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพารายได้จากลูกหลาน คู่สมรส รัฐ ขณะที่เบี้ยผู้สูงอายุก็ไม่มากพอที่จะดูแล​ตัวเอง โดยเฉพาะ​ผู้สูงอายุที่เป็นผู้หญิง ซึ่งมี​ราว 6.2 ล้านคน และมี 18% หรือ 1.1 ล้านคน ที่ยังต้องการทำงาน จึง​เป็นที่มาของการ​จ้างงานกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนที่ยังต้องการทำงาน​​​ เพื่อมาให้บริการฝากซัก​ อบ และพับผ้าให้ลูกค้าที่ร้านสะดวกซักอ๊อตเทริใกล้บ้าน

ซึ่งต้องถือว่าเป็นบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เพราะลูกค้าที่มาใช้บริการร้านสะดวกซักส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มคนทำงาน มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง เร่งรีบ มีเวลาน้อย และต้องการความสะดวกสบาย ดังนั้น เพียงแค่ยกผ้ามาไว้ที่ร้านที่มีบริการชูมณีอยู่ ก็สามารถไปทำธุระอย่างอื่นได้เลยโดยไม่ต้องรอ ​เพราะจะมีคนบริการเอาผ้าเข้าเครื่องซัก อบ และพับผ้าให้เรียบร้อย เมื่อทำธุระเสร็จก็สามารถมาร้บผ้ากลับไปได้เลย ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุก็มีรายได้จากการฝากซัก อบ พับผ้าให้ลูกค้า รวมทั้งช่วยดูแลความสะอาดภายในร้าน โดยคิดค่าบริการในราคาเริ่มต้นที่ตระกร้าละ 40 บาท

ส่ง Laundry Move ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

ล่าสุดชูมณี ได้จับมือกับมูลนิธิกระจากเงา เพื่อเปิดตัว Laundry Move  หรือรถซักผ้าเคลื่อนที่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้านสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคในระดับพื้นฐานอย่างการอาบน้ำ หรือซักผ้าได้โดยสะดวก โดยในรถจะมีทั้งเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า อย่างละ 4 เครื่อง และด้านหลังจะเป็นห้องอาบน้ำ  1 ห้อง เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตและสุขอนามัยของกลุ่มคนไร้บ้านดีขึ้น ได้อาบน้ำอย่างสะดวก และได้สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด

ทั้งนี้ กลุ่มคนไร้บ้านในภาพจำของใครหลายคน คงนึกถึงบุคคลที่เนื้อตัวสกปรก ใส่เสื้อผ้าไม่สะอาด ซึ่งคงไม่มีใครอยากอยู่ในสภาพเช่นนี้ กลุ่มคนไร้บ้านก็เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงบริการเหล่านี้ บริษัท ชูมณี จึงมีแนวคิดในการนำรถซักผ้าเคลื่อนท่ีเพื่อไปให้บริการแก่คนไร้บ้าน เพื่อที่คนเหล่านี้จะได้เข้าถึงความสะอาดในฐานะมนุษย์คนหนึ่งพึงจะได้รับ และเปิดโอกาสทางสังคม โดยรถคันนี้เกิดจากความฝันที่กำลังจะได้ออกวิ่งไปรับใช้ความจริง ความจริงที่ว่าคนไร้บ้านเข้าถึงการอาบน้ำได้ยากเต็มทน และความจริงที่ว่าคนไร้บ้านเข้าถึงการซักผ้าได้อย่างยากเย็นเต็มที และความจริงที่ว่าไม่ควรมีใครถูกทิ้งไว้ให้อยู่อย่างเข้าไม่ถึงการใช้ชีวิตที่สามัญธรรมดา อย่างการซักผ้า หรือการอาบน้ำ

นอกจากนี้ ทางอ๊อตเทริและมูลนิธิกระจกเงา ได้ประกาศให้วันเปิดตัว คือ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ​ เป็น “วันซักผ้าและอาบน้ำแห่งชาติ” โดยใช้พื้นที่สาธารณะ บริเวณหลังศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม ราชดำเนิน เพื่อให้บริการห้องอาบน้ำสำหรับคนไร้บ้านได้มาชำระร่างกาย พร้อมรถสุขาจากกรุงเทพมหานครมาบริการ นอกจากนี้ ยังสามารถมาเลือกเสื้อผ้าจากมูลนิธิกระจกเงา ตามใจชอบได้เลย รวมไปถึงบรืการรถ Food Truck จากกลุ่ม We Chef เข้ามาให้บริการด้านอาหารให้แก่ผู้คนไร้บ้านอีกด้วย รวมไปถึงการรับสมัครงานจากโครงการจ้างวานข้า จากมูลนิธิกระจกเงา เพื่อเพิ่มโอกาสที่มากขึ้นให้แก่ผู้คนไร้บ้านให้ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในอนาคตอีกด้วย

ขณะที่ข้อมูลจากมูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า กลุ่มคนไร้บ้านส่วนใหญ่มักจะไปแอบซักผ้าตามห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน หรือห้องน้ำสวนสาธารณะ รวมทั้งริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างยากลำบาก และพอซักเสร็จก็ใส่เพื่อปล่อยให้แห้งบนตัว ทั้งที่เสื้อเปียกหมาดๆ ส่วนการอาบน้ำก็เช่นกัน ต้องไปแอบอาบ และรีบอาบแบบลวกๆ เพื่อไม่ให้มีใครจับได้ โดยมีอุปกรณ์การอาบคือสายชำระ โดยพวกเขาจะซักผ้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง รวมทั้งพยายามอาบน้ำกันวันละ 2 ครั้งอีกด้วย

สะท้อนได้ว่า แม้พวกเขาไร้บ้าน แต่ก็ต้องการสุขอนามัยที่ดี แม้ไร้บ้านก็ต้องการการได้ใช้ชีวิตประจำวันที่ดี เพราะมันหมายถึงการมีสุขภาพกายและจิตที่ดี ดังนั้น คนไร้บ้าน ไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ไปด้วย แต่สามารถใช้ชีวิตประจำวันที่มีคุณภาพ ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์เช่นกัน
ภาพ / ข้อมูล : facebook: Chumanee ชูมณี , มูลนิธิกระจกเงา
Stay Connected
Latest News