ในฐานะบริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของโลก ที่แต่ละวันมีลูกค้าจากทั่วโลกมาซื้อสินค้าไม่ต่ำกว่าพันล้านคน ทำให้เนสท์เล่ตระหนักได้ถึงความสำคัญในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถช่วยดูแลและฟื้นฟูโลก จึงได้ประกาศ Global Mission ด้วยการกำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 หรือภายใน พ.ศ. 2593
พร้อมทั้งประกาศแนวทางดำเนินธุรกิจภายใต้แผนงานด้านความยั่งยืน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ การจัดหาวัตถุดิบ รวมท้ังการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะดูแลตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อาทิ การเพาะปลูก การขนส่ง การผลิตและบรรจุของโรงงาน รวมไปถึงการดูแลจัดการขยะที่เกิดจากบริโภค เพื่อให้ตอบโจทย์พันธกิจระดับโลกที่ได้ประกาศเอาไว้
ทุกบรรจุภัณฑ์ต้องรีไซเคิลได้ท้ังหมด
โดยเฉพาะในส่วนของบรรจุภัณฑ์ ที่เนสท์เล่มองว่าสามารถเริ่มเดินดำเนินการได้ทันที รวมทั้งได้มีการเดินหน้าปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมทั้งได้กำหนดเป้าหมายในการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ในทุกผลิตภัณฑ์ให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด รวมไปถึงการลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่สำหรับผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ให้น้อยลง 1 ใน 3 ภายในปี 2025 หรือภายในอีก 3 ปีนับจากนี้
คุณจิรพัฒน์ ฐานสันโดษ ผู้จัดการบรรจุภัณฑ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด อัพเดทความคืบหน้าการเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ว่า ขณะนี้หลายผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ได้ใช้บรรจุภัณฑ์แบบรีไซเคิลได้แล้ว อาทิ การเปลี่ยนซองบรรจุกาแฟ หรือไอศกรีมจากซองพลาสติกมาใช้ซองกระดาษ การเปลี่ยนกระป๋องเครื่องดื่มจากการใช้ดีบุกมาเป็นอลูมิเนียม ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ตลอดอายุการใช้งาน ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า หรือการนำพลาสติกจากการรีไซเคิลมาเป็นส่วนผสมในการผลิตแผ่นฟิล์มสำหรับแพ็คน้ำดื่ม รวมไปถึงการหันมาใช้หลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติกสำหรับเครื่องดื่มในกลุ่ม UHT ของบริษัท
“การที่หลอดกระดาษอยู่ในกลุ่มแรกที่มีการปรับเปลี่ยน เนื่องจาก การเป็นพลาสติกชิ้นเล็ก ซึ่งมีโอกาสในการหลุดรอดกลายเป็นขยะพลาสติกออกไปสู่ธรรมชาติได้ค่อนข้างสูง รวมทั้งใช้ต้องระยะเวลาในการย่อยสลายนานหลายร้อยปี หรือหากมีการแตกตัวก็กลายมาเป็นไมโครพลาสติกปะปนอยู่ในอากาศและอาหารรอบตัว ที่ผ่านมาเราอาจเคยเห็นภาพสัตว์ทะเลกินขยะพลาสติก หรือภาพคุ้นตาที่เต่าทะเลมีหลอดพลาสติกเสียบอยู่ที่ปลายจมูก ทำให้เราต้องกลับมาคิดต่อแล้วว่าเราทำอะไรได้บ้าง”
หลอดกระดาษเวอร์ชันใหม่ ทั้งดีต่อโลก สะดวกต่อผู้ใช้งาน
คุณจิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตลอดหนึ่งปีที่เนสท์เล่ได้ลอนช์หลอดกระดาษออกมาใช้แทนหลอดพลาสติก ได้มีการรับฟังฟีดแบ็คจากผู้บริโภคและคอยสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็จะมีทั้งคนที่ชอบเพราะได้มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงคอมเมนต์ถึงความสะดวกในการใช้งาน ที่อาจจะดูดได้ยาก หรือบางครั้งที่หลอดอาจเสียรูปทรงได้ง่าย โดยที่ยังดูดเครื่องดื่มไม่หมด ทางทีมจึงได้มีการทำงานร่วมกันฝ่าย R&D อย่างใกล้ชิดเพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาใช้ในการต่อยอด เพื่อพัฒนาเป็นหลอดกระดาษเวอร์ชั่นใหม่ และเตรียมลอนช์สู่ตลาดในเร็วๆ นี้ โดยยังคงรักษาสิ่งที่ผู้บริโภคชื่นชอบไว้ และแก้ไขในส่วนท่ียังต้องปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้ได้หลอดกระดาษที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความพึงพอใจของผู้ใช้งานควบคู่ไปด้วยด้วย
“ในเร็วๆ บริษัทจะออกหลอดกระดาษเวอร์ชั่นใหม่มาใช้แทนแบบเดิม เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานผู้บริโภคได้มากขึ้น จากการเก็บความคิดเห็นผู้บริโภคมาตั้งแต่เริ่มวางตลาด โดยหลอดเวอร์ชันใหม่นี้จะออกแบบให้ดูดได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมีความแข็งแรงมากกว่าเดิม ทำให้สะดวกต่อการใช้เจาะที่ด้านบนของกล่องเวลาต้องการดื่ม โดยได้ทำงานร่วมกับทีมวิจัยและพัฒนา พร้อมนำคอมเมนต์ต่างๆ ของผู้บริโภคมาเป็นแนวทางในการพัฒนาจนสามารถได้หลอดกระดาษเวอร์ชั่นใหม่ ที่จากนี้ไปผู้บริโภคจะไม่ต้องแลกกับความสะดวกสบายที่ลดน้อยลง เพราะก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าผู้ที่ใช้หลอดกระดาษชื่นชอบที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม แต่การใช้งานอาจจะไม่สะดวกมากนัก ซึ่งการเริ่มต้นของเราอาจจะยังไม่สมบูรณ์ หรือยังไม่เพอร์เฟ็ค แต่เราเริ่มพัฒนาแล้ว และเป็นการเริ่มต้นที่อยากให้ผู้บริโภคทุกคนร่วมเดินทางไปกับเรา”
