เบทาโกร เร่งวางโรดแม็พตามวาระโลก ดันธุรกิจสู่ Net Zero ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนอีกกว่า 20% เตรียมรุกตลาดโปรตีนทางเลือก รับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน รวมทั้งตอบโจทย์ทำธุรกิจตามกรอบ SDG ของสหประชาชาติ
คุณวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า บริษัทมีความตระหนักถึงประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการใส่ใจถึงปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลการใช้พลังงานโดยภาพรวมของธุรกิจ เพื่อนำมาวางแผนทางด้านการจัดการพลังงานอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับทิศทางของโลกที่กำลังขับเคลื่อนไปสู่สังคม Net Zero โดยเฉพาะสิ่งที่สามารถดำเนินการได้เลยในขณะนี้ คือ การติดตั้งแผงพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เพื่อนำพลังงานทดแทนมาใช้ตามนโยบาย Smart Factory โดยขณะนี้สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้เองที่ราว 5% หรือคิดเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ 40 เมกะวัตต์
โดยมีแผนขยับสัดส่วนให้เพิ่มขึ้นอีกราว 20% หรือเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ที่ 50 เมกะวัตต์ และไม่เพียงแค่การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เท่านั้น แต่ยังศึกษาภาพรรวมของ Energy Portfolio เพื่อมองหาพลังงานทางเลือกใหม่ๆ ที่เหมาะสม มาใช้ในธุรกิจในอนาคต รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการในประเด็นท้าทายทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้าง Carbon Credit Balance เพื่อนำมาปรับใช้ในการควบคุมการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนของธุรกิจตลอดทั้งซัพพลายเชน อาทิ การดำเนินการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) และผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: CFP) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เนื้อไก่
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักในธุรกิจอาหารและอาหารสัตว์
นอกจากนี้ ยังเตรียมลอนช์ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มโปรตีนทางเลือกในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ตอบโจทย์ทั้งพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคในปัจจุบัน รวมทั้งยังสอดคล้องกับการขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือ SDG ซึ่งเบทาโกรนำกรอบที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของตัวเอง เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจใน 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายในการขจัดความอดอยาก เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชากรโลก การสนับสนุนให้เกิดการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ และการสร้างเครือข่ายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สำหรับ เบทาโกร เป็นหนึ่งธุรกิจรายใหญ่ในกลุ่ม Food Provider Total Solutions ที่มีธุรกิจครบวงจรตลอดซัพพลายเชน ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และยังคงรักษาการเติบโตได้ท่ามกลางปัจจัยท้าทายรอบด้านในปีที่ผ่านมา ทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ สองปัจจัยหลักนี้นอกจากจะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นโดยรวมราว 7-8% และยังเป็นปัจจัยเร่งสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมทั้งการเฝ้าระวังโรคระบาดในสัตว์ที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อทำธุรกิจภายใต้กรอบความยั่งยืน ที่ต้องคำนึงทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และจริยธรรม
โดยเบทาโกรยังรักษาการเติบโตของธุรกิจได้ที่ 6.6% ด้วยยอดขาย 8.54 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 8 หมื่นล้านบาท ในปีก่อนหน้า และเชื่อว่าในสิ้นปีนี้ก็จะยังคงผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยสามารถเติบโตได้จากกทุกกลุ่มธุรกิจ ภายใต้งบลงทุนโดยรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท