5 ขั้นตอนในการสร้างธุรกิจสตาร์ตอัพให้มีความยั่งยืน

ในุยุคที่คนรุ่นใหม่ไฟแรงอยากมาเป็นสตาร์ทอัพกันนั้น ไม่ใช่เรื่อง่าย ๆ เลย  โดยเฉพาะสตาร์ทอัพด้านความั่งยืนนั้น จะต้องเริ่มกันตรงไหนก่อนดี

Lysander Bickham ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ วัย 18 ปี ของ Loving Earth’s Oceans หรือ Leo’s Box บริษัทสตาร์ทอัพที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (Certified B Corporation) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใช้ในบ้านที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำธุรกิจในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่มีส่วนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยเขาได้สรุป 5 ขั้นตอนง่ายๆที่บริษัทสตาร์ทอัพและบริษัททั่วไปสามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้

ขั้นที่ 1 นิยามจุดประสงค์
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณ Bickham บอกว่าไม่ว่าจะเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมหรือการนำเสนอบริการที่เลอเลิศให้กับตลาดเฉพาะกลุ่ม การดำเนินการที่ยั่งยืนที่ออกมาจากใจมักเป็นสิ่งที่คุณพยายามทำให้เกิดผลสำเร็จ แต่บางครั้งมันก็ยากสำหรับการเริ่มต้น ดังนั้น ขั้นตอนแรกคือคุณควรให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืนเป็นหลัก เช่น การสร้างประโยชน์ให้กับสังคมในชุมชนท้องถิ่น หรือ การทำงานเพื่อปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น Bickham ยังแนะนำให้คุณลองเลือกมาสักประเด็นที่เหมาะสมกับจุดประสงค์กว้างๆในการทำธุรกิจของคุณ และให้ความสำคัญเฉพาะประเด็นนั้นเท่านั้นในช่วงแรกๆ

ขั้นที่ 2 รับฟังเสียงนักวิทยาศาสตร์
เมื่อปีที่แล้ว นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง Greta Thunberg ได้กล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาในสหรัฐอเมริกาที่ฟังดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยคุณค่าว่า เนื่องจากวิทยาศาสตร์ด้านความยั่งยืนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปฏิบัติที่ดีที่สุดในปีนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับปีหน้าก็ได้ เหล่านักวิจัยมักจะเปิดเผยข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอ และแนะวิธีให้กับภาคธุรกิจว่าสามารถปรับปรุงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติที่ยั่งยืนได้อย่างไรบ้าง ดังนั้น การรับฟัง และเรียนรู้ ตลอดจนการนำแนวทางต่างๆมาปรับใช้เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของคุณมีความยั่งยืนในระยะยาวเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ขั้นที่ 3 คิดแบบบริษัทใหญ่
สิ่งล่อใจสำหรับสตาร์ทอัพมักจะเน้นที่กลยุทธ์การเติบโต 100% และสร้างธุรกิจให้เร็วที่สุด ซึ่งวิธีนี้จะนำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนระยะยาวแบบขอไปที ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาแผนการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนกว่าเดิม บริษัทสตาร์ทอัพจึงควรคิดแบบบริษัทใหญ่ๆ ที่จะทุ่มเทเวลาให้กับการวิจัย การวางแผน และการวัดผลด้านผลกระทบของการดำเนินงาน ซึ่งช่วยให้บริษัทมั่นใจได้ว่าสามารถบรรลุผลระยะยาวได้อย่างต่อเนื่องตามที่ตั้งเป้าไว้ อย่างไรก็ตาม การใช้เวลาในการประเมินอย่างจริงจังว่าธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนมากขึ้นมักคุ้มค่ากว่าการรีบตัดสินใจในทันทีซึ่งอาจส่งผลดีน้อยกว่าในระยะยาว

ขั้นที่ 4 เสียสละเพื่อความยั่งยืน
ลองพิจารณาทุกองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์หรือบริการดูสิว่ามีจุดไหนบ้างที่คุณสามารถลดทอนเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบรรจุภัณฑ์ ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่พาร์ทเนอร์และซัพพลายเออร์ที่คุณร่วมทำธุรกิจด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีความสวยงามน้อยลง แต่ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนก็มักมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่าเสมอในสายตาของลูกค้า และลูกค้าส่วนใหญ่ก็มักให้การตอบรับต่อการเสียสละดังกล่าวหากพวกเขาสามารถมองเห็นและเข้าใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสร้างมาเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

ขั้นที่ 5 พาลูกค้าไปกับคุณ
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกค้าไม่ได้จบเพียงแค่การขายของได้เท่านั้น Leo’s Box ได้ค้นพบว่า ปัญหามลพิษเกี่ยวกับพลาสติกได้กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ทั่วไปและเป็นเครื่องเตือนใจให้กับลูกค้าของแบรนด์ การได้พูดคุยกับลูกค้าเป็นประจำเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวทำให้คุณได้รับรู้ความสนใจด้านอื่นๆของลูกค้าด้วย เช่น ผลกระทบของสารเคมีที่เป็นพิษต่อบ้านและผิวหนัง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

การนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ Leo’s Box ในทางกลับกับ Bickham ยังได้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ที่แน่นแฟ้นขึ้น เพราะเขารับฟัง เรียนรู้ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า และการปฏิบัติเช่นนี้ยังช่วยให้แบรนด์มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้น เมื่อคุณขายของก็ลองสอบถามลูกค้าดูว่าพวกเขาสนใจเรื่องใดอีกบ้าง เพราะคำตอบของพวกเขาเป็นเสมือนข้อชี้แนะให้กับคุณในการดำเนินธุรกิจขั้นต่อไปนั่นเอง

SD Thailand ก็หวังว่า 5 ขั้นตอนดีๆจากข้อแนะนำของ Bickham จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจต่างๆโดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

 

credit : 
https://startupsmagazine.co.uk/article-five-steps-building-sustainable-startup

Stay Connected
Latest News