“เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชั่น” เผยยอดขายโตเกือบ 200 % เนื่องจากเทรนด์ความต้องการติดโซลาร์รูฟมีมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากพฤติกรรมWFH นส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นเฉลี่ย 30-50% ผนวกกับเทคโนโลยีโซลาร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทำให้ราคาเข้าถึงง่ายขึ้น ลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ปี 2564 พร้อมรุกตลาดทั้งงานบ้าน และงานโรงงาน – อาคารอย่างเต็มตัว ชูจุดแข็งด้วยบริการอย่างครบวงจร
ธงชัย โสภณ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจหลังคา บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด ในเอสซีจี เผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาพฤติกรรมของเจ้าของบ้านเปลี่ยนไป หันมาใช้ชีวิตภายในบ้านมากขึ้น รวมถึงการ Work From Home เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และมลพิษฝุ่น PM 2.5 ทำให้มีการใช้ไฟ – เปิดแอร์ช่วงกลางวันมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นถึง 30-50% เจ้าของบ้านจึงมองหาโซลูชั่นที่ช่วยลดรายจ่ายเรื่องค่าไฟโดยเฉพาะการติดโซลาร์รูฟ ผนวกกับเทคโนโลยีโซลาร์พัฒนาถึงจุดที่คุ้มทุนภายใน 7-10 ปี หากมองในแง่การลงทุน การติดตั้งโซลาร์รูฟ ให้ผลตอบแทนประมาณ 10% ต่อปี ถือว่ามากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน ประกอบกับภาครัฐมีการปรับเกณฑ์การรับซื้อไฟคืนในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน 2564 เป็น 2.20 บาทต่อหน่วย จากเดิม 1.68 บาทต่อหน่วย การลงทุนติดโซลาร์รูฟจึงน่าสนใจและคุ้มค่าขึ้นอีกขั้น
“ภาพรวมตลาดโซลาร์ทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน รวมถึงในประเทศไทยตลาดโซลาร์ก็มีการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกัน มีมูลค่าตลาดสูงถึง 8,200 ล้านบาท จากพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป โซลาร์รูฟจึงเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น แต่ความรู้ความเข้าใจในระบบโซลาร์ของลูกค้ายังมีไม่มาก เช่น การติดตั้งที่ได้มาตรฐาน, มาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ รวมถึงการขออนุญาตกับภาครัฐ ทางเอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชั่น จึงพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร โดยเรามีการผลักดันช่องทางการขายแบบ Omni-Channel และทำการตลาดผ่าน Digital Marketing อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีที่ผ่านมายอดขายของเอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชั่น เติบโตเกือบ 200%”
ธงชัยกล่าวต่อว่า “สำหรับปี 2564 นี้ เราตั้งเป้าหมายเข้าถึงลูกค้า 2 กลุ่ม คือ กลุ่มงานบ้าน และโดยเฉพาะกลุ่มงานโรงงาน – อาคาร “เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชั่น” พร้อมบุกตลาดกลุ่มโรงงาน และอาคารที่มีการใช้ไฟกลางวันต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลดรายจ่ายค่าไฟฟ้าให้เจ้าของธุรกิจ โดยมีความพร้อมทั้งทีมวิศวกรที่จะให้คำปรึกษาด้านการจัดการพลังงาน (Experienced Energy Consultant) เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานระบบโซลาร์อย่างสูงสุด ซึ่งการติดโซลาร์รูฟในภาคธุรกิจมีจุดคุ้มทุนภายใน 5-6 ปีเท่านั้น รวมถึงมีบริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน (Investment Consultant) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของแต่ละธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยเรามีทีมติดตั้งที่พร้อมให้บริการทั่วประเทศ ตั้งเป้าเติบโตปลายปี 2564 กว่า 600%”
“เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชั่น” มีสินค้าและบริการที่จะช่วยตอบโจทย์เจ้าของบ้าน และเจ้าของธุรกิจ ด้วยพร้อมการตรวจสอบสภาพความพร้อมของหลังคา (Roof Health Check) เพื่อให้มั่นใจว่าหลังคาพร้อมติดตั้งโซลาร์รูฟ และหากมีปัญหาจะดำเนินการแก้ไขให้โดยทีมช่างจากเอสซีจี นอกจากนี้ยังติดตั้งโซลาร์รูฟ โดยไม่ต้องเจาะหลังคาด้วยนวัตกรรม Solar FIX ไม่เสี่ยงรั่ว สิทธิบัตรเฉพาะเอสซีจีเท่านั้น ส่วนแผงโซลาร์ Tier 1 เทคโนโลยีการผลิตจากสหรัฐอเมริกา รับประกันตัวแผงโซลาร์ และประสิทธิภาพการผลิตไฟนาน 25 ปี
ในส่วนของอินเวอร์เตอร์ (ระบบแปลงไฟ) ใช้เทคโนโลยีสวิสเซอร์แลนด์ รับประกัน 10 ปี และเพิ่มบริการรขออนุญาตติดตั้งโซลาร์ให้ทั้งกระบวนการ และสามารถติดตามการผลิตไฟได้ Real Time ผ่าน SCG Solar Application และมีบริการหลังการขายทำอีกด้วย สนใจติดต่อ SCG HOME Contact Center โทร.02-586-2222