Pantanal เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ แต่ในปี 2020 นี้ได้เกิดไฟป่าในผืนที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ต่อเนื่องกันหลายเดือนอย่างเงียบ ๆ โดยแทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ช็อกโลกทีเดียว
ซึ่งไฟไหม้ในครั้งนี้ทำความเสียหายต่อผืนป่าไปเกือบ 28% ของพื้นที่ราบน้ำท่วมถึงที่ทอดยาวกินพื้นที่ 3 ประเทศ ได้แก่ บราซิล โบลิเวีย และปารากวัย นับเป็นไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ไฟป่าครั้งนี้ได้ทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิดและยังได้สร้างความเสียหายต่อชุมชนพื้นเมืองในพื้นที่ Pantanal เป็นวงกว้าง
พื้นที่ชุ่มน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pantanal นับได้ว่ามีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง เพราะเป็นพื้นที่ดูดซับคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพที่สุดของโลก และยังปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศในปริมาณที่น้อยกว่าที่ดูดซับได้ ทั้งนี้ Pantanal มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 200,000 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่ชุ่มน้ำประมาณ 3% ของพื้นที่ชุ่มน้ำของโลกซึ่งมีสำคัญต่อวัฏจักรคาร์บอนเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนักจากไฟป่าที่กำลังลุกไหม้อย่างต่อเนื่องจึงอาจทำให้ก๊าซดักจับความร้อนจำนวนมหาศาลจะถูกปล่อยกลับสู่ชั้นบรรยากาศซึ่งจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
อย่างไรก็ตาม National Institute of Space Research แห่งชาติบราซิล (INPE) ตรวจจับการเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ Pantanal ในปีนี้ ได้มากกว่า 21,200 ครั้ง คิดเป็น 69% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการเกิดไฟไหม้ทั้งปี ในปี 2005 ด้วยซ้ำ ทั้งนี้ เฉพาะในเดือนกันยายน เกิดไฟไหม้ทั้งสิ้น 8,106 ครั้ง คิดเป็น 4 เท่า ของอัตราการเกิดไฟไหม้เฉลี่ยต่อเดือนที่ได้มีการบันทึกไว้
credit : https://edition.cnn.com/2020/11/13/americas/pantanal-fires-climate-change-intl/index.html
