อาฟเตอร์ช็อกโลก!!ระเบิดมหาประลัยเลบานอน ส่งผลสารพิษแอมโมเนียไนเตรททำลายสิ่งแวดล้อม

เหตุการณ์ระเบิดของแอมโมเนียมไนเตรท จำนวนกว่า 2,750 ตัน ในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ในเช้าวันพุธ ที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา นับเป็นเหตุการณ์ช็อกโลกที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีรายงานยอดผู้เสียชีวิตว่ามีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบาดเจ็บกว่า 4,000 คน


โดยแรงระเบิดได้สร้างความสั่นสะเทือนไปไกลถึงประเทศไซปรัส ที่อยู่ห่างจากเลบานอนประมาณ 100 ไมล์ ด้วยขนาดแรงสั่นสะเทือน 3.3 แมกนิจูด

จากการวิเคราะห์ของ Gabriel da Silva นักวิศวกรรมเคมี กล่าวว่า กลุ่มควันสีแดงจากการระเบิดนั้นได้ย้อมให้ท้องฟ้าของเลบานนกลายเป็นสีชมพูมีรัศมีไกลถึงหลายพันฟุต ซึ่งกลุ่มควันมีชมพูนั้นเกิดจากสารพิษในอากาศของไนโตรเจนออกไซด์ ซึ่งสารพิษนี้จะล่องลอยอยู่ในอากาศนานกว่าปกติอาจก่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมาได้ในอนาคต

ส่วน Anthony May อดีตผู้เชียวชาญด้านวัตถุระเบิดแห่ง ATF (Bureau of Alcohol, Tobacco, Firearms and Explosives) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งข้อสงสัยว่า กลุ่มควันสีแดงเข้มที่ปรากฏในวีดิโอนั้นไม่สอดคล้องกับสีของแอมโมเนียมไนเตรทซึ่งปกติแล้วควันจะเป็นสีเหลือง แม้ในข่าวจะระบุว่าแอมโมเนียมไนเตรทจะเป็นส่วนสำคัญในการระเบิดครั้งนี้ แต่เขาคิดว่าน่าจะมีสารเคมีอื่นๆปะปนอยู่ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม Anthony May แนะนำว่ากลุ่มควันพิษที่ลอยอยู่ในอากาศอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ประชาชนจึงควรอยู่ในอาคารและสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการสูดดม

ในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์สารเคมีระเบิดรุนแรงมาแล้ว โดยในปี พ. ศ. ได้มีการไฟไหม้จากการระเบิดของแอมโมเนียมในเตรด 2,300 ตัน ในเท็กซัสซิตี ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูง 15 ฟุตและมีผู้เสียชีวิตราว 400-600 คน เมฆรูปเห็ดลอยขึ้นไปในอากาศสูงถึง 2,000 ฟุต เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สร้างความเสียหายให้กับเครื่องบินเล็ก 2 ลำ และยังสร้างปฏิกิริยาลูกโซ่โดยการปล่อยกำมะถันจำนวนมหาศาลที่สามารถติดไฟและระเบิดได้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเมืองหลายคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

SD Thailand ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจให้ชาวเลบานอนผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนี้

Credit : www.natureworldnews.com/articles/44191/20200805/ammonium-nitrate-affects-environment.htm

Stay Connected
Latest News