ซีอีโอเครือซีพี “ศุภชัย เจียรวนนท์” Shape อนาคตประเทศไทยรับวันสิ่งแวดล้อมโลก ประกาศ 2 เป้าหมายท้าทายระดับโลก นำทัพทุกกลุ่มธุรกิจในเครือมุ่งสู่การเป็นองค์กร Zero Waste และ Zero Carbon พร้อมปลุกพลังคนไทยร่วมเปลี่ยนโลก สร้างหนังสั้นชูเด็กน้อยกับปลาวาฬเป็นตัวอย่างสร้างการเปลี่ยนแปลง ภายใต้แนวคิด “NO ONE IS TOO SMALL TO MAKE A CHANGE” ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้
วันที่ 5 มิถุนายน 2563 เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด นำทัพกลุ่มธุรกิจในเครือซีพี ประกาศ 2 เป้าหมายท้าทายระดับโลก “Zero Waste” และ “Zero Carbon” ชูบทบาทความรับผิดชอบของภาคเอกชนที่มีต่อสังคมโลกและสิ่งแวดล้อม โดยศุภชัย เจียรวนนท์ เปิดเผยว่า ขณะที่เรามองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19เป็นปัญหาใหญ่ แต่ปัญหาของโลกที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือปัญหาเรื่องโลกร้อน และปัญหาเรื่องมลภาวะทั้งในอากาศ ในน้ำ และบนดิน ด้วยเหตุนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงกำหนดทิศทางและเป้าหมายความยั่งยืนปี 2030 สู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกด้านความยั่งยืน ถือเป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ โดยประกาศ 2 เป้าหมายความยั่งยืนใหม่ที่ท้าทายและต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2030 คือ 1.การมุ่งสู่การเป็นองค์กร Zero Waste ลดขยะและของเสียให้เป็นศูนย์ 2.การมุ่งสู่การเป็นองค์กร Zero Carbon หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์
“เครือซีพีมุ่งมั่นจะขับเคลื่อน คือ เรื่อง Zero Waste และ Zero Carbon ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะถ้ามนุษย์ไม่ช่วยกันรักษาสมดุลของโลก วันหนึ่งมนุษย์อาจสูญพันธุ์โดยไม่รู้ตัว” ซีอีโอ เครือซีพี กล่าว พร้อมคาดการณ์ว่าในปี 2030 อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียส และภายในปี 2050 จะสูงขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน เร่งสร้างการตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ และนำมาซึ่งความพยายามรักษาและบำบัดทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่อง “Zero Waste” และ“Zero Carbon” ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญระดับโลก และเป็นความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ปัญหา หากบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ไม่เพียงแต่จะสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่จะทำให้เศรษฐกิจมีความยั่งยืน ประเทศชาติและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ในการนี้ ซีอีโอ เครือซีพี มีความเห็นว่าการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นบนโลกของเรา ทุกคนสามารถทำได้ โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อนที่ยิ่งใหญ่ร้ายแรงนี้ ในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลกประจำปีนี้ จึงสร้างภาพยนตร์สั้นเพื่อรณรงค์ปลุกพลังคนไทยร่วมเปลี่ยนโลก กระตุ้นทุกภาคส่วนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด“NO ONE IS TOO SMALL TO MAKE A CHANGE” หรือ “ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้” นำเสนอให้เห็นถึงเรื่องราวของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กับ ปลาวาฬที่เกยตื้นตายเพราะขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งเป็นภาพจำที่ทุกคนทั่วโลกเห็นและรับรู้ผ่านข่าวสารมาโดยตลอด แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ได้นำจินตนาการของตนเองมาสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยปลาวาฬ ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยหวังจะช่วยไม่ให้ปลาวาฬและสัตว์ทะเลอื่นต้องจบชีวิตลงเช่นนี้อีก
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ จากความคิดและพลังสร้างสรรค์ของเราทุกคน ร่วมกันส่งพลังของคุณออกไป ช่วยกันเปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้น” ซีอีโอ เครือซีพี กล่าว
ทั้งนี้ ภาพยนตร์สั้นเด็กน้อยกับปลาวาฬ #“CP INNOVATION FOR SUSTAINABILITY” มีกำหนดเผยแพร่บนสื่อออนไลน์และเผยแพร่ตามสถานีโทรทัศน์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563 นี้ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นต้นไป เพื่อให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติก ไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน ทุกภาคส่วน ทุกคนเป็นหนึ่งแรงสำคัญที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ด้วยสำนึกและความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและโลกใบนี้ของเราจะสวยงามและปลอดภัยกับทุกสิ่งมีชีวิตตลอดไป