อาจจะบอกได้ว่าปี 2563 เป็นปีของกระแสเรียกร้องเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและดูแลสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างเข้มข้น ทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศ จนเรียกได้ว่าเป็นวาระที่ทุกคนบนโลกไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ตอกย้ำให้เห็นภาพชัดขึ้นกับการที่นิตยสารไทม์ยกให้ “เกรียตา ทุนแบร์ย” เด็กสาวนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมอายุ 16 ปี เป็นบุคคลแห่งปี 2019 ส่วนในประเทศไทยเห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดมากกับความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่จะร่วมกันวางมาตรการลดใช้ถุงพลาสติกแบบครั้งเดียวแล้วทิ้งในปีที่ผ่านมาและในปี 2563 นี้ที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งกระแสเรียกร้องการดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น เพื่อเป็นแรงผลักดันในการเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเข้าใจ ขอเสนอ 10 คำคมจากคนดังที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมานาน รวมถึงเหล่าเกษตกรคนต้นน้ำที่ทำการเกษตรในวิถีธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เราช่วยกันผลักดันสร้างสรรค์โลกของเราให้น่าอยู่ไป เพื่ออนาคตของเราและเพื่อโลกที่น่าอยู่ในอนาคต
“การศึกษาเป็นทางออก เป็นวิธีที่จะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติของเรายั่งยืนที่สุด”
อเล็กซ์ เรนเดล นักแสดงและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เราอาจจะรู้จัก อเล็กซ์ เรนเดล ในฐานะนักแสดงมานาน แต่เมื่อเร็วๆ นี้เรารู้จักอีกด้านของเขาในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งโครงการศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา Environmental Education Centre Thailand (EEC Thailand) ซึ่งเป็นค่ายเยาวชนที่เปิดให้เด็กๆ ได้ใกล้ชิดและเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างเข้าใจ ล่าสุด สำนักข่าว CNN ได้เข้าสัมภาษณ์เขาในฐานะผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งข้อความดังกล่าวนี้ สะท้อนแนวคิดของการสร้างรากฐานที่สำคัญที่สุดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนได้ ก็คือการให้ความรู้ให้การศึกษาแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ต่อไปนั่นเอง
(บทสัมภาษณ์ อเล็กซ์ เรนเดลจาก เว็บไซต์ “คิดเพื่อชีวิตยั่งยืน”)
“การที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะ อย่าให้เป็นเรื่องของสงสารทะเลอย่างเดียว แต่ต้องทำเพราะเป็นทางรอด”
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ดร.ธรณ์ กล่าวในงานวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งต้องการตอกย้ำว่าการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม มันมากกว่าแค่การสงสารปลา สงสารพยูน หรือสงสารเต่าทะเล แต่ตอนนี้วิกฤติดังกล่าวมันกลายเป็นภัยที่เข้ามาหาเรามนุษย์ทุกคนแล้ว ดังนั้น ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปและควรต้องเริ่มได้แล้วนับแต่วันนี้
(แหล่งที่มาข้อมูล : https://www.thaipost.net/main/detail/11026 )
“ธรรมชาติสมดุล ระบบนิเวศน์สมดุล คนสมดุล”
กร – สิริกร ลิ้มสุวรรณ กิจการเพื่อสังคมบ้านรักษ์ดิน “กร” คือผู้นำกิจการเพื่อสังคมบ้านรักษ์ดิน ที่มีแนวคิดของการนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการทำการเกษตร โดยเฉพาะแนวคิดการใช้ธรรมชาติสร้างสมดุลให้เกิดขึ้น เช่น ไม่ใช้สารเคมีในการเลี้ยงสัตว์ปลูกพืช โดยกิจการเพื่อสังคมบ้านรักษ์ดิน โดดเด่นในผลิตภัณฑ์ “ไข่ขบถ” ซึ่งคือการขบถไปจากการเลี้ยงแบบอุตสาหกรรมด้วยการเลี้ยงวิถีธรรมชาติ ไก่ได้ออกไข่อย่างมีความสุข ดังนั้น ไข่ที่ได้มาจึงปลอดภัยจากสารเคมี รวมไปถึงการเน้นย้ำให้ชุมชนได้มีไข่ขบถไว้ทานเองในครัวเรือนอย่างพอเพียงเมื่อเหลือจึงค่อยนำไปขาย ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างสมดุล และยังครอบคลุมถึงเครื่องการใช้ธรรมชาติในการรักษาสมดุลชีวิตและดูแลระบบนิเวศน์ ซึ่งแน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ของการรักษาสมดุลที่ดีของธรรมชาติผลที่ได้ก็จะสร้างความสุขสู่ผู้คนและคนในชุมชน
“คืนสมดุลให้ร่างกาย ด้วยธรรมชาติ”
แหม่ม-ศรัณยา กิตติคุณไพศาล สมาชิกกลุ่มม่วนใจ๋ I กลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติเชียงดาว แหม่ม คือหนึ่งในสมาชิกกลุ่มม่วนใจ๋ I กลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติเชียงดาว กลุ่มเกษตรกรอำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่มารวมตัวกันทำเกษตรแบบปลอดสารเคมี โดยมีปณิธานที่จะทำให้ อ.เชียงดาวทั้งอำเภอ เป็นอำเภอที่ทำการเกษตรแบบปลอดสารเคมี ทั้งนี้ คำพูดของ “แหม่ม” แม้กำลังพูดถึงการใช้ “ดอกกุหลาบออร์แกนิค” ซึ่งนำมาทำเป็นชาสมุนไพรมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ใช้ทานเมื่อมีอาการท้องผูกได้ แต่ในขณะเดียวกันมันคือคำพูดที่สะท้อนถึงการดูแลร่างกายโดยใช้ธรรมชาติในการบำบัดดูแล โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีใดๆ เพราะธรรมชาติจะช่วยปรับสมดุลร่ายกายให้กับเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งรวมไปถึงพืชสมุนไพรอื่นๆ ด้วย ดังนั้น คำกล่าวนี้จึงเป็นเหมือนสิ่งย้ำเตือนว่า สิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาให้โลกและมนุษย์นั้น หากเราใช้ให้เป็นก็จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอย่างที่สุด
“ความอร่อยจะมีอยู่จริง ต่อเมื่อเราสัมผัส”
โต-ชูเกียรติ เวสารัชชพงศ์ เจ้าของฟาร์มแอนด์โฮมสเตย์ ‘สวรรค์บนดิน’“โต” นักเบลนด์ชาคุณภาพดี ซึ่งชาของเค้าได้มาจากผืนป่าต้นน้ำ ‘ห้วยหินลาดใน’ จ.เชียงราย และ “โต” ยังเป็นตัวอย่างของนักอนุรักษ์ที่อยู่ร่วมกับป่าอย่างเข้าใจวิถีธรรมชาติ ความหมายของ “โต” ในเรื่องการสัมผัสความอร่อย นอกจากจะสื่อถึงรสชาติชาที่ต้องเปิดรับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 แล้ว ยังหมายถึงการเปิดรับทุกสัมผัสให้ธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และทำให้ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติด้วย ที่สำคัญคือการต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ดังนั้น หากจะอยากทำให้สิ่งแวดล้อมและโลกของเราน่าอยู่และยั่งยืนต่อไปได้ ก็ควรเริ่มต้นเข้าใจธรรมชาติและนำทรัพยากรมาใช้อย่างคุ้มค่าและรู้ซึ่งในคุณค่าเหล่านั้นให้มากที่สุด
“ธรรมชาติ บำบัด ธรรมชาติ”
ออน – นวลลออ เทอดเกียรติกุล อะโรแมติก ฟาร์ม “ออน” คืออดีตพนักงานออฟฟิศที่ผันตัวเองไปเป็นสาวชาวสวนมะพร้าวอย่างเต็มตัว สวนมะพร้าวออร์แกนิคในนาม “อะโรแมติก ฟาร์ม” ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน 4 พื้นที่ที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมได้มีคุณภาพดีที่สุดในโลก จากการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อีกด้วย “ออน” มีวิธีทำการเกษตรกที่น่าสนใจมาก นั่นคือการใช้ธรรมชาติบำบัดและดูแลกันเอง เช่น การทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ด้วยการปล่อยให้มีไส้เดือนตามธรรมชาติ การปล่อยผึ้งทำรังเพื่อผสมเกสรของต้นมะพร้าว โดยทั้งหมดนี้ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีในการทำสวนเลย จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่ว่า “ธรรมชาติ บำบัด ธรรมชาติ” นั่นเอง ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไอเดียนี้ทำได้จริงและประสบความสำเร็จจริง และที่สำคัญคือทำให้เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
“อิ่มกาย เกื้อหนุน ชุมชน อนาคต”
นุช – สุภาภรณ์ อนุชิราชีวะ ผู้นำเครือข่ายรักษ์ปลา รักษ์ทะเล เครือข่ายรักษ์ปลา รักษ์ทะเล คือกลุ่มที่สนับสนุนการประมงแบบพอเพียง เป็นการจับสัตว์น้ำด้วยวิถีดั้งเดิมที่เข้าใจธรรมชาติ ซึ่งสิ่งที่ “นุช” กล่าวนี้ สื่อความหมายดังนี้ “อิ่มกาย” คือการที่แม้ชาวประมงจะออกไปจับปลามาขาย แต่คนในบ้านคนในชุมชนก็จะต้องมีกินพอเพียงที่เหลือเกินจึงนำไปขาย “เกื้อหนุน” คือการเอื้อเฟื้อกันในชุมชนรวมถึงนอกพื้นที่ชุมชนที่ร่วมแบ่งปันมิตรภาพและความรู้ จนกลายเป็น “ชุมชน” ที่เข้มแข็ง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างอนาคตของชีวิตผู้คนและชีวิตของหมู่ปลาในน้ำให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
“หากมีป่าอยู่ในเมือง อยู่ในรอบๆ ชุมชน ป่าก็จะช่วยได้ ช่วยบรรเทาได้ทุกเรื่อง”
ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร“ศศิน” นักอนุรักษ์ที่ต่อสู้กับเรื่องป่าและสิ่งแวดล้อมมานาน มองเห็นปัญหาของมลภาวะต่างๆ ว่า อาจจะเป็น “ป่า” ที่เป็นทางออกให้กับปัญหาสิ่งแวดล้อมก็ได้ เพราะการมีป่าเป็นจำนวนมากจะช่วยดูดซับคาร์บอนให้กับโลก ไม่ว่าจะโลกจะร้อนเกินไป หรือจะหนาวเกินไป หรือฝนตกมากเกินไป ป่าจะช่วยบรรเทาปัญหาให้ได้ ดังนั้น ในอนาคตการอนุรักษ์ผืนป่าให้เพิ่มขึ้น ก็อาจจะเป็นทางออกที่จะช่วยพลิกฟื้นให้โลกดีขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้
(บทสัมภาษณ์ ศศิน เฉลิมลาภ จากเว็บไซต์ “Green News”)
“ทุกคนมีหน้าที่บนโลก เราไม่ได้เป็นผู้ที่มาอาศัยหรือกอบโกยอย่างเดียว แต่ยังมีหน้าที่ดูแลให้บ้านหลังนี้อยู่ไปถึงคนรุ่นหลัง”
เชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดงและผู้ก่อตั้งโครงการ Little Forest
เป็นศิลปินอีกคนที่ทำงานเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาหลายปี และยังเป็นแบบอย่างของกระบอกเสียงในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในแบบไม่เป็นการยัดเยียดให้คนต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น ข้อความดังกล่าว “เชอรี่” ต้องการย้ำเตือนว่าเราทุกคนบนโลกล้วนมีหน้าที่ร่วมกันที่จะดูแลโลกใบนี้ไม่เพียงแค่เพื่อเราทุกคนแต่เพื่อคนรุ่นหลังที่จะรับช่วงต่อไป แต่จะเป็นโลกแบบไหนที่พวกเขารับไป นั่นอยู่ที่การกระทำของทุกคนในวันนี้
(บทสัมภาษณ์ เชอรี่-เข็มอัปสร จากเว็บไซต์ Praew.com)
“ผมเชื่อว่าเราทุกคนอยากรวย แต่จะดีกว่ามั้ยถ้าเรารวยเงินทองไปพร้อมกับความรวยด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม”
ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร นักแสดง และผู้ก่อตั้งบริษัท คิดคิด จำกัด บริษัทสร้างแบรนด์สินค้าที่ใช้แนวคิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เป็นข้อความที่ ท็อป-พิพัฒน์ นำไปใช้เป็นหลักคิดของการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมแล้ว แต่ก็ยังเป็นข้อความที่เข้าใจมนุษย์เป็นคำพูดที่กระตุกความคิดของคนเราทุกคนได้ดี ว่าความร่ำรวยที่แท้จริงก็ต้องเป็นดำเนินไปควบคู่กับสิ่งแวดล้อม สังคม และโลกที่น่าอยู่ด้วย
(ส่วนหนึ่งของข้อความจากหนังสือ ECO DESIGN THAI THAI)
สำหรับโควทคำพูดที่น่าสนใจเหล่านี้ บางข้อความก็ปรากฏถูกแชร์ส่งต่อกันเป็นจำนวนมากอยู่ในออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นไปช่วยกระตุ้นจุดประกายความคิดบางอย่างเกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ในขณะที่บางข้อความที่มาจากกลุ่มเกษตรกรวิถีธรรมชาติ สามารถไปตามอ่านได้ที่ร้านอาหาร “ฌานา” สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 6 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีเมนูสุขภาพมากมายใช้วัตถุดิบปลอดสารเคมีซึ่งปลอดภัยต่อสุขภาพและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ซึ่งเป็นข้อความแนวคิดของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนจากเกษตรกรให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของแนวคิดการทำการเกษตรวิถีธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน พร้อมกับช่วยกันนำแนวคิดนี้ออกไปเผยแพร่สู่คนรอบข้างได้อีกด้วย
ดังนั้น ในปี 2020 นี้อยากให้ข้อความเหล่านี้เป็นดั่งแรงบันดาลใจให้คุณได้มีพลังช่วยกันโอบอุ้มดูแลโลกใบนี้ของราให้น่าอยู่และคงอยู่ต่อไปเพื่อวันนี้และในอนาคตของลูกหลาน.