จากเหตุวิกฤติไฟป่าในออสเตรเลียตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างส่งผลให้พื้นที่ป่าในรัฐทางตะวันออกของประเทศถูกทำลาย สัตว์ป่าหลากหลายชนิดนับล้านตัวต้องมาสังเวยชีวิตกับเหตุการณ์ครั้งนี้
ศาสตราจารย์ ไมเคิล แมน (Michael E. Mann) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบรรยากาศแห่ง Pennsylvani State University และได้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติในหลายพื้นที่ของออสเตรเลียเป็นแรมเดือน เช่น ไปดูแนวปะการัง The Great Barrier แต่น่าเสียดายที่ขณะนี้หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งนี้กำลังเกิดวิกฤตขั้นร้ายแรงจากสภาวะโลกร้อนกลายเป็นภัยร้ายแรงที่มีผลทำให้เกิดปะการังฟอกขาว หากสามารถทำสภาพแวดล้อมปกติกลับคืนมา แนวปะการังก็สามารถฟื้นตัวได้ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายทศวรรษ แต่หากสภาพแวดล้อมยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป แนวปะการังอาจตายได้
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ไมเคิล ยังได้เดินทางไป ที่ The Blue Mountain ซึ่งสามารถมองเห็นหมอกควันสีน้ำตาลปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าแทนหมอกสีฟ้าที่เกิดจากต้นยูคาลิปตัส เขากล่าวว่าปรากฏการณ์นี้เป็นผลสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์
“ตอนนี้ผมไม่เห็นป่าดงดิบที่กว้างใหญ่ล้อมรอบทิวเขาที่สลับซับซ้อนตัดกับขอบฟ้าสีครามอีกแล้ว แต่กลับเห็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกควัน”
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ ไมเคิล ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนเกิดจากการการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ และถ่านหิน เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น การขุดเจาะเหมืองถ่านหินเป็นตัวการหนึ่งในการสร้างมลพิษทางอากาศให้กับท้องฟ้าสีคราม
ในขณะที่ออสเตรเลียกำลังได้รับความเดือดร้อนจากภาวะไฟไหม้ป่า ศาสตราจารย์ ไมเคิล ได้กล่าวพาดพิงถึง นายกรัฐมนตรี สก๊อต มอร์ริสัน ซึ่งเป็นคนมีแนวคิดสนับสนุนการขุดเจาะเหมืองถ่านหินกลับไปพักผ่อนอยู่ที่ฮาวายและไม่สนใจต่อภาวะวิกฤตจากไฟป่าที่ออสเตรเลียกำลังเผชิญอยู่ ที่เป็นสัญญาณว่าออสเตรเลียกำลังเผชิญอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอันโหดร้าย
ดังนั้น ออสเตรเลียจำเป็นต้องมีผู้นำที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และชาวออสซี่จะต้องลงคะแนนเสียงไม่เอานักการเมืองที่สนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินและเลือกนักการเมืองที่มีตั้งใจจะแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างจริงจังมาแทนที่
credit : www.theguardian.com/commentisfree/2020/jan/02/australia-your-country-is-burning-dangerous-climate-change-is-here-with-you-now
