เปลี่ยนโฉมหน้า“ถ้วยกาแฟ”ทั่วโลก สู่เป้าหมายต้องไม่เป็นขยะอีกต่อไป

การจัดแข่งขัน The Next Gen Cup Challenge เพื่อออกแบบ “ถ้วยกาแฟแห่งอนาคต” กำลังเข้มข้นขึ้น เพราะมีผู้ลงแข่งมากถึง 500 บริษัท โดยนักออกแบบที่สามารถตีโจทย์สั้น ๆว่าถ้วยกระดาษใส่กาแฟจะต้องย่อยสลายและนำมา recycled ได้ทุกที่ในโลกใบนี้ จะกลายเป็นผู้พลิกโฉมหน้าถ้วยกระดาษของโลกยุคหน้าทีเดียว

 

 

วิกฤติของขยะกำลังสร้างมหันตภัยสู่ชาวโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภัยมืดที่กำลังสร้างปัญหาอย่างถ้วยไฟเบอร์ที่ใส่เครื่องดื่มจำนวน 2,500 ล้านถ้วยที่กองอยู่ในหลุมฝังกลบในแต่ละปี ซึ่งแต่ละชิ้นต้องใช้เวลา 1,000 ปีในการย่อยสลายตามธรรมชาติ เนื่องจากถ้วยดังกล่าวถูกเคลือบโดย กำลังสร้างปัญหาให้แก่โลก และบรรดาเจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

โครงการ the Next Gen Cup Challenge โดย Closed Loop Partner ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนที่เน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้ ได้เชิญชวนบริษัทสตาร์ทอัพจากทั่วโลกให้มาร่วมในการแข่งขันออกแบบถ้วยกระดาษโดยใช้วัสดุใหม่ๆ ทั้งนี้ Close Loop ได้รับความช่วยเหลือด้านแพลทฟอร์มการออกแบบจาก OpenIdeo ได้รวบรวมใบสมัครจำนวน 500 บริษัทจาก 50 ประเทศ และตัวแทนจากบริษัทอาหารที่เกี่ยวข้องได้ตัดสินเลือก 12 ไอเดียที่มีแนวโน้มดีที่สุดเพื่อมาทำการต่อยอดแนวความคิดนี้

 

 

สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบนี้จะได้รับเงินทุนรายละ 1 ล้านดอลล่าร์ และร่วมทำงานกับโรงงานและพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมเพื่อทดสอบและผลิตถ้วยตามที่ออกแบบมา จากนั้นพวกเขาจะเริ่มต้นการทดสอบจริงรอบที่สองในเดือนกันยายน ซึ่งอาจเหลือผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และเป็นไปได้ว่าผู้เข้ารอบครั้งนี้อาจจะมีการรวมเทคโนโลยีกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดด้วยกัน

โดยบางรายเสนอวิธีการนำสิ่งทดแทน polyethylene ที่เคลือบถ้วยกระดาษ แม้ว่า polyethylene จะช่วยให้กระดาษกันน้ำได้และยังรักษาระดับความร้อนเย็นของเครื่องดื่มได้ ทั้งยังสามารถป้องกันการควบแน่นของเหงื่อจากภายนอกถ้วยได้อีกด้วย แต่กระนั้นก็ตาม polyethylene ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ถ้วยกระดาษไม่สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ ส่วนอีกกลุ่มเสนอการใช้กระดาษชนิดใหม่ที่ไม่ต้องเคลือบเพราะจะช่วยให้การย่อยสลายและการรีไซเคิลง่ายขึ้น ในส่วนของกลุ่มที่สามเสนอให้ถ้วยที่นำมา reused เพื่อสามารถเก็บได้หลังจากใช้งานผ่านระบบสมาชิกตามพื้นที่สาขาของ Starbucks ที่ตั้งอยู่ เป็นต้น

และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ผู้เข้ารอบทั้งหมดจะได้รู้กันแล้วว่าถ้วยกระดาษที่คิดค้นกันนั้น พวกซัพพลายเออร์จะสามารถต่อยอดไอเดียวเพื่อผลิตออกมาใช้งานจริงได้หรือไม่ โดยจะทำงานร่วมกับโรงงานผลิตที่เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทอย่าง McDonald’s สิ่งสำคัญก็คือการออกแบบของพวกเขาต้องสามารถปรับขนาดภายในโครงสร้างพื้นฐานการผลิตในปัจจุบันแทนที่จะต้องใช้วิธีการผลิตที่สมบูรณ์แบบ และถ้วยดังกล่าวจะต้องเหมาะกับระบบการจัดการขยะที่มีอยู่ด้วย เพราะการนำถ้วยกระดาษไปรีไซเคิลยังดีกว่านำไปหมักเป็นปุ๋ยในระบบเดิม

 

“การหมักเป็นปุ๋ยไม่ใช่วิธีแก้ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เราไม่ต้องการให้ทุกคนทิ้งบรรจุภัณฑ์เหล่านั้นไว้หลังบ้าน ทั้ง ๆ ที่ยังมีอีกหลายวิธีที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในการนำมาทดแทนวัสดุธรรมชาติ โดยการพัฒนานวัตกรรมใหม่สำหรับบรรจุภัณฑ์ให้มาก” Rebecca Zimmer global director of environment ของ Starbucks กล่าว

ทั้งนี้การแข่งขันนี้ในรอบต่อไปจะเริ่มมีการทดสอบตามร้านอาหาร มหาวิทยาลัย และสนามกีฬาเพื่อทดสอบการใช้งานจริงในเดือนกันยายนนี้ โดยRebecca เสริมว่าโดยพื้นฐานแล้วต้องให้มั่นใจว่าถ้วยเหล่านั้นทนต่อน้ำร้อนเดือดได้หรือไม่

ส่วน “วัสดุ” ที่นำมาใช้ในการการแข่งขันนั้น ผู้จัดสินคือกลุ่มพาร์ทเนอร์โรงงาน โดยจะมีการทดสอบภายในบริษัท สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่บริษัทจะนำมาตัดสินคือถ้วยนั้นเปลี่ยนรสชาติเครื่องดื่มหรือไม่ “ที่ Coca-Cola เราจะหยิบถ้วยของผู้เข้าแข่งขันและนำมาทดสอบคุณภาพทางประสาทสัมผัส (Sensory testing) ว่าถ้วยดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติอาหาร/เครื่องดื่ม ซึ่งเราจะทดสอบกับบรรจุภัณฑ์ทุกใบ และเรามีนักวิทยาศาสตร์ที่คอยทำ R&D ให้กับบรรจุภัณฑ์ทุกประเภทของเรา” Bruce Karas หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมแห่ง Coca-Cola ภูมิภาคอเมริกาเหนือ กล่าว

 

 

จากเหตุการณ์ข้างต้น จะเห็นว่า Coca-Cola ไม่ใช่ธุรกิจที่ขายถ้วยแบบใช้แล้วทิ้งอีกต่อไป ส่วน McDonald’s ที่ใช้ถ้วยเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับ Starbucks โดย McDonald’s ใช้ถ้วยในปริมาณ 4% ของถ้วยทั้งหมดที่มีในโลกในแต่ละปี ดังนั้น McDonald’s จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะตัดสินว่าใครจะผ่านการทดสอบในแคมเปญ Next Gen Cup และสามารถนำไปใช้ได้จริงในปีหน้านี้

 

“มีหลายสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงด้านประสิทธิภาพ และเราจะใช้มาตรฐานของเราเป็นเกณฑ์วัดผลว่าถ้วยเหล่านี้ผ่านเกณฑ์หรือไม่ นอกจากการทดสอบรสชาติแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับความแข็งแรงของวัสดุเพื่อใส่เครื่องดื่มร้อนเย็นที่อุณหภูมิของสภาพอากาศเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อสภาพของถ้วย เช่น การละลายของน้ำแข็งเป็นอย่างไร เก็บความร้อนได้นานแค่ไหน เป็นต้น” Marion Gross ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพลายเชนแห่ง McDonald’s อเมริกา กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ การพัฒนาถ้วยกระดาษที่สมบูรณ์นั้นถือเป็นภารกิจที่น่ากังวลใจอย่างหนึ่ง สมมุติว่าผู้ชนะแคมเปญ the Next Gen Cup สามารถทำได้ตามเกณฑ์ที่วางไว้ทั้งเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน วัสดุที่นำมาใช้ รวมไปถึงการนำไปรีไซเคิลได้นั้น แต่ก็ยังคงมีคำถามที่ต้องคิดต่อไปว่า แล้วผู้บริโภคจะชอบถ้วยแบบใหม่หรือไม่

Credit : https://www.fastcompany.com/90311549/starbucks-and-mcdonalds-are-testing-these-compostable-cups-of-the-future?partner=rss&utm_source=twitter.com&utm_medium=social&utm_campaign=rss+fastcompany&utm_content=rss

Stay Connected
Latest News