ลุคใหม่เจมส์ บอนด์ เก่ง-ล่ำ-รักษ์โลก เพราะขับรถไฟฟ้า Aston Martin

คุณอาจจะไม่เคยเห็นภาพเจมส์ บอนด์ 007 ใส่เสื้อผ้ามือสอง หรือไปเดินชอปปิ้งตามตลาด แต่สิ่งที่แฟนหนังที่ติดตามอภิมหาอมตะสายลับมาถึงตอนที่ 25 จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหนุ่มบอนด์ที่หันมารักสิ่งแวดล้อมตามกระแสโลก ด้วยการขับ Aston Martin ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นครั้งแรก 

 

 

ในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีน้อยเรื่องมากที่เราจะเห็นว่ามีการนำเทรนด์โลกร้อนมานำเสนอผ่านการดำเนินเรื่องหรือตัวละครในภาพยนตร์นั้น แต่เร็วๆนี้คุณอาจจะได้เห็นความพยายามของภาพยนตร์เรื่อง James Bond ภาคต่อไป ที่นำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้พระเอกอย่าง Daniel Craig ขับโฉบเฉี่ยวอยู่หน้าจอ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการคิดเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนั่นเอง โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่นำมาเข้าฉากคือ Aston Martin รุ่น Rapide E ที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัดเพียง 155 คันเท่านั้นและลูกค้าที่สั่งจองไว้จะมีโอกาสได้ขับขี่สิ้นปี 2019 ส่วนสนนราคาอยู่ที่ 250,000 ปอนด์ หรือ 329,500 เหรียญสหรัฐ

โดย James Bond ในภาคที่ 25 และเป็นครั้งที่ 5 ของ Daniel Craig ที่รับบทเป็นเจมส์ บอนด์ กำกับโดย Cary Joji Fukunaga ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีจากการกำกับภาพยนตร์เรื่อง Beats of No Nation และ True Detective ภาคแรก ทั้งนี้ มีแผนเปิดกล้องช่วงต้นเดือนเมษายน 2019 และจะเริ่มฉายในโรงภาพยนตร์ในเดือนเมษายน ปี 2020

เมื่อเดือนกันยายน 2018 เว็บไซต์ของ บริษัท Aston Martin ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่น Rapide E ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตระกูล Rapide ซึ่งปัจจุบันได้รับการพัฒนาและขนานนามว่า Rapide S โดยทางบริษัท Aston Martin ได้พัฒนาร่วมกับทีมวิศวกรแห่ง Williams Advanced Engineering (WAE)ซึ่งเป็นทีมที่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีไฟฟ้าของยานยนต์เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ารถยนต์รุ่น Rapide E จะมีความคล่องแคล่วเหมือนกับรถยนต์รุ่นอื่นๆของ Aston Martin

โดยแบตเตอร์รี่จะถูกติดตั้งในตำแหน่งถังน้ำมันเชื้อเพลิง สร้างล้อแอโรไดนามิกตามความต้องการและปรับแต่งภายนอกของตัวรถและส่วนล่างให้เป็นแอโรไดนามิกมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Rapide E สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 155 mph ซึ่งโดยปกติแล้วรถยนต์ตระกูล Rapide ของ Aston Martin จะเร่งความเร็วได้สูงถึง 188 mph

 

 

จากข่าวลือที่ว่า James Bond จะได้ขับรถยนต์ไฟฟ้าของ Aston Martin เป็นครั้งแรกในปี 2016 เมื่อ โดยสำนักข่าว CNBC สอบถาม Andy Palmer ซีอีโอของ Aston Martin ว่า เขาคิดว่า James Bond จะรู้สึกอย่างไรกับรถยนต์ไฟฟ้า SUV รุ่น DBX ของ Aston Martin เขาตอบว่า

“James นับเป็นลูกค้าคนสำคัญสำหรับรถสปอร์ตของเรา แต่ในวันหนึ่งเขาอาจจะแต่งงานมีลูก ซึ่งเบาะหลังของ Aston Martin DB1 ก็เหมาะที่จะเป็น Baby seat อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องของโลกแห่งความเป็นจริงและ Aston ก็เป็นมากกว่าการโฉบเฉี่ยวอยู่ในภาพยนตร์ James Bond ทั้งนี้ Aston Martin แสดงเอกลักษณ์ความเป็นอังกฤษ ความอิสระ ความชำนาญด้านงานฝีมือและธุรกิจของตัวมันเอง”

อย่างไรก็ตามขณนี้ Aston Martin ยังคงผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจำกัดอยู่ โดย Palmer กล่าวว่า “รถไฟฟ้าให้อะไรแก่คุณ มันให้คุณเร่งความเร็วด้วยแรงหมุนที่เหนือความคาดหมาย ดังนั้น หากคุณใช้มันในช่วงระยะสั้น ระยะกลางหรือระยะยาว มันจะเกิดการผสมผสานกันระหว่างพลังงานไฟฟ้าและพลังงานเชื้อเพลิง และนั่นเป็นการผสมผสานที่ดีที่สุดที่คุณจะได้สัมผัส

Palmer กล่าปิดท้ายว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับความตายและภาษี

 

https://www.greenmatters.com/p/james-bond-electric-aston-martin-car

Stay Connected
Latest News