ไม่ต้องรอซุปเปอร์ฮีโร่ แค่ 8 วิธีง่าย ๆ คุณก็กอบกู้วิกฤตโลกได้

“โลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม” เป็นคำกล่าวที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยขึ้น ในภาพยนตร์ถ้าโลกเกิดวิกฤตก็มักจะมีซุปเปอร์ฮีโร่เข้ามากอบกู้โลก แต่ในชีวิตจริงคุณก็ช่วยโลกได้ด้วยการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วย 8 วิธีง่าย ๆ

เมื่อไม่นานมานี้สหประชาชาติได้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง 91 คน จาก 40 ประเทศ เพื่อมาปฏิบัติภาระกิจสำคัญนั่นคือทำการวิเคราะห์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศที่ส่งผลวิกฤตต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ จากงานวิจัย 6,000 ชิ้น ได้ข้อสรุปว่าการพยากรณ์ทางวิทยาศาสตร์ก่อนหน้านี้ผิดหมด เพราะหากเรายังคงดำเนินเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแนวทางปัจจุบันนั้น จะส่งผลให้เราตกอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ภายในปี 2040 เช่น เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ไฟป่า และความเสียหายต่อแนวปะการัง

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าถ้าต้องการกอบกู้โลกมีหนทางเดียวคือเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินการเรื่องคาร์บอนฟุ้ตพริ้นท์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือทั้งภาครัฐและบริษัทคอมซูเมอร์ยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจในการกำหนดอนาคตด้วยนโยบายต่างๆ ที่ร่วมกันกำหนดขอบเขตการปล่อยคาร์บอนในปริมาณมาก

ส่วนผู้บริโภคอย่างเราก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ภารกิจนี้ได้ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางง่าย ๆ 8 ข้อดังนี้

 

 

1. ใช้ขวดปั้มแก้วชนิดเติม

ลองสำรวจรอบๆบ้านของเราดู แล้วจะพบว่าเราใช้พลาสติกกับทุกสิ่งนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ขวดน้ำดื่มพลาสติก, ขวดใส่น้ำยาซักผ้า หรือแม้แต่ขวดแชมพู วิธีแก้ง่ายๆก็แค่เปลี่ยนมาใช้ขวดปั้มแก้วชนิดเติมที่คุณสามารถเติมได้ทั้งสบู่ แชมพูหรือน้ำยาซักผ้า เช่น ขวดปั้มแก้วยี่ห้อ Grove สำหรับใส่สบู่อาบน้ำ น้ำยาล้างจาน ที่สนนราคาประมาณ 11 ดอลล่าร์ต่อชิ้น หรือยี่ห้อ Seventh Generation สำหรับใส่น้ำยาซักผ้าซึ่งถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองในการลดค่าใช้จ่ายและลดการใช้พลาสติกภายในบ้านอย่างแท้จริง

 

 

2. ปฏิญาณเลิกใช้ Ziploc

Ziploc เป็นพลาสติกที่สะดวกต่อการใช้งานซึ่งมีขนาดหลากหลายให้เลือกสรรและราคาถูก แต่การใช้พลาสติก Ziploc กับทุกอย่าง เช่น ใส่แซนด์วิชสำหรับเป็นอาหารมื้อเที่ยง เป็นต้น สามารถก่อขยะพลาสติกได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Stasher ได้ปิ๊งไอเดียสร้างสรรค์ถุงซิลิโคนตามขนาดและรูปแบบที่คล้ายกับพลาสติกที่เราเคยใช้ โดยสินค้าชิ้นนี้มีซีลกันรอยรั่ว และยังสามารถล้างได้และนำเข้าไมโครเวฟได้ด้วย มีหลายสีให้เลือก สนนราคาที่ 10 – 20 ดอลลาร์ ที่อาจจะดูว่าแพงไปหน่อยแต่ลองคิดย้อนดูว่าเราจ่ายไปกับพลาสติกชนิดใช้แล้วทิ้งหมดไปเท่าไหร่กันแล้ว

 

 

3. ใช้กระดาษเช็ดทำความสะอาดรีไซเคิล

ทุกครั้งที่น้ำสาดกระเซ็นในครัว เรามักจะนำกระดาษมาเช็ดแล้วทิ้งกระดาษนั้นในถังขยะ แต่หากคุณเป็นคนที่ต้องมีกระดาษเช็ดติดครัวไว้ ลองมาใช้กระดาษรีไซเคิลที่ทาง Seventh Generation เขาได้คิดค้นขึ้นมาให้มีการดูดซับที่ดีเหมาะแก่การใช้ในห้องครัวและห้องน้ำ

 

 

4. ลองทานอาหารที่ไม่มีเนื้อบ้าง

การรับประทานเนื้อเป็นอาหารถือเป็นเรื่องปกติของคนเรา แต่เนื้อเป็นอีกแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญเลยทีเดียว หากคุณมีโอกาสลองเปลี่ยนมารับประทานอาหาที่ไม่มีเนื้อสัตว์สักมื้อก็ดี และยิ่งทุกคนหันมาทานอาหารประเภทผักกันหมดจะช่วยลดทอนการปล่อยคาร์บอนที่เชื่อมโยงกับอาหารได้ถึง 63% ดังนั้น ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารประเภทผักที่คุณชอบและช่วยให้คุณเจริญอาหารสักครั้ง คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็น Vegetarian แต่การไม่รับประทานเนื้อมากเกินไป ยังจะส่งผลดีให้กับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคุณได้ด้วย

 

 

5. พอกันทีกับการจัดส่งของภายใน 2 วัน

หากคุณเป็นนักช้อปออนไลน์ที่ติดกับดักกับคำโฆษณาของเว็บไซต์ที่ว่า “จัดส่งสินค้าภายใน 2 วัน” เพียงแค่คลิกซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ สินค้าของคุณก็จะถูกจัดส่งถึงบ้านคุณได้รวดเร็วโดยแทนที่จะส่งกับรถยนต์ก็จะส่งมากับเครื่องบินซึ่งถือเป็นแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก จึงเป็นสาเหตุให้ Amazon และเว็บไซต์ชอปปิงรายอื่นๆมอบบริการ “No rush shipping” สำหรับสินค้าที่คุณไม่ต้องการเร่งด่วน โดยที่คุณอาจจะซื้อสินค้าหลายๆชิ้นคนละวันกัน แล้วรวบรวมส่งทีเดียวในกล่อง 1 ใบ ซึ่งจะช่วยลดการใช้กล่องและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

 

 

6. เตรียมถุงรียูสให้พร้อมทุกที่

หากคุณเป็นคนที่ชอบชอปปิงแต่ชอบลืมถุงชอปปิงรียูสทุกครั้ง หรือคุณเป็นคนที่ชอบซื้อของโดยไม่วางแผนล่วงหน้า วิธีแก้ง่ายๆคือคุณต้องเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดกับตัวคุณโดยการเตรียมถุงรียูสไว้ เช่น คุณอาจจะเตรียมถุงผ้าหรือถุงพลาสติกรียูสไว้ท้ายรถเพื่อการชอปปิงที่ชอบผุดขึ้นมาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน หรือคุณอาจจะพกใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วยทุกครั้งเวลาที่คุณต้องเดินทางไปต่างประเทศ เพราะการเตรียมตัวที่ดียังให้คุณได้ช่วยรักษ์โลกด้วย

 

 

 

7. ซื้อเสื้อผ้าให้น้อยลงและซื้อจากแบรนด์ที่ยั่งยืน

หลายคนมักซื้อเสื้อผ้าจำนวนมากที่ราคาถูกและวัสดุไม่มีคุณภาพ แต่เชื่อว่าในจำนวนเสื้อผ้าที่เต็มตู้นั้นมีไม่กี่ตัวหรอกที่จะถูกหยิบมาสวมใส่ โดยจากผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าเสื้อผ้าในตู้ของเราเพียง 20% เท่านั้นที่จะถูกนำมาสวมใส่ เช่น กางเกงยีนส์ตัวเก่ง เสื้อยืดนุ่มๆสักตัว หรือเสื้อคลุมเนื้อดี เป็นต้น ดังนั้นในการซื้อเสื้อผ้าครั้งต่อไป ลองเปลี่ยนมาเลือกแบรนด์ที่ยั่งยืนที่คัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพ คงทนและใช้ได้นาน ไม่เพียงแต่จะได้สวมของดีแล้วแต่ยังช่วยให้เราประหยัดสตางค์ในกระเป๋าด้วยเพราะไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ

 

 

8. พกหลอดดูดรียูสไปทุกที่

หลายองค์กรในหลายประเทศได้แบนการใช้หลอดดูดพลาสติกเมื่อปีที่แล้ว เช่น Starbucks ได้พัฒนาแก้วกาแฟให้เหมาะกับการดื่มกาแฟโดยไม่ใช้หลอดดูด ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว แต่คนส่วนใหญ่ในหลายประเทศก็ยังคงใช้หลอดดูดพลาสติกกันอยู่ในปริมาณมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการลดขยะจากหลอดดูดพลาสติก ลองพกหลอดดูดที่ทำจากไม้ไผ่หรือหลอดเหล็กขนาดพกพาดูสิ ทั้งสะดวกสบายและช่วยลดขยะจากหลอดดูดพลาสติกได้อีกด้วย

 

Credit : https://www.fastcompany.com/90287147/8-simple-inexpensive-ways-to-be-a-more-ethical-consumer-in-2019

Stay Connected
Latest News