“ต้นไม้ใหญ่บางต้นถูกโบกปูนทับโคนต้น แถมด้านบนยังเจอสายไฟ เจ้าของต้นไม้แก้ปัญหาด้วยการตัดทิ้ง เรารู้สึกสงสาร เค้าคงอยากมีชีวิตและมีชีวิตที่ดีกว่านี้”
เพราะเห็นว่าต้นไม้ทุกต้นมีชีวิต มีคุณค่า จึงก่อเกิดเป็น โครงการ “Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว” ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติ ผ่านวิดีโอคอนเทนต์ พร้อมเปิดช่องทางรับเรื่องให้ความช่วยเหลือต้นไม้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
วัตถุประสงค์ของแคมเปญนี้ เริ่มต้นและดำเนินการด้วยมุมมองที่ต้องการช่วยเหลือและอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ออกซิเจนให้สังคมเมืองมากขึ้น เพราะปัจจุบันต้นไม้ใหญ่หลายๆพื้นที่มักตกเป็นเหยื่อของการพัฒนา การก่อสร้างถนน อาคาร สถานที่ หรือสาธารณูปโภคต่างๆ ทำให้ระบบนิเวศของเมืองมีสถานภาพเสื่อมโทรมลง หรือมีศักยภาพในการช่วยเติมเต็มอากาศบริสุทธิ์ให้เมืองน้อยลง บางพื้นที่ต้นไม้ใหญ่มีสุขภาพแย่ลงเพราะขาดคนดูแล กิ่งแห้งตาย เกิดโพรง เกิดการโค่นล้ม จนเป็นปัญหาที่อันตรายแก่ผู้สัญจรไปมาและอาคารบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียง
วันนี้ สุรินทร์ วราชุน ที่ปรึกษาโครงการฯ และทีมงาน Forest Rescue มีนัดจะต้องไปขนย้ายต้นยางนาที่ลาดพร้าว ซึ่งเจ้าของต้นไม้จะขยายพื้นที่ในบ้านอาศัย จึงติดต่อทีมงาน Forest Rescue มาขนย้ายต้นยางนา เพื่อนำไปปลูกใหม่ที่โครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ ถนนบางนา
“ ถ้าเราได้รับแจ้งจากเจ้าของต้นไม้ และเป็นไปกฏเกณฑ์ เราก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูเพื่อประเมินหน้างานว่าจะย้ายได้หรือเปล่า โอกาสรอดของต้นไม้มีมากน้อยเพียงใด” สุรินทร์ กล่าวถึงขั้นตอนในการย้ายต้นไม้ใหญ่
ซึ่งความจริงแล้วการย้ายต้นไม้แต่ละต้นให้รอดตายและสามารถไปอยู่ในสถานที่ใหม่ได้อย่างมีความสุขนั้น เป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าที่คิด โดยต้องใช้ทีมงานมืออาชีพ ซึ่งทีมงาน Forest Rescue มี 3 ทีม ๆ ละ 4 – 5 คน แต่ละคนต้องผ่านการอบรมจากรุขกรอาชีพมาก่อน เพื่อวางแผนการย้ายอย่างรอบคอบปอลดภัย
“การประเมินสถานที่และเส้นทางการขนย้ายต้องรอบคอบ ต้นไม้บางต้นปลูกอยู่หลังบ้าน ไม่สามารถเอาเครนไปยกได้ก็ย้ายไม่ได้ บางบ้านทางเข้าแคบมากรถใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้ คือปัญหาหน้างานเยอะมาก นอกจากนี้ยังต้องดูชนิดของพันธุ์ไม้ว่าสามารถย้ายได้ทันที หรือบางประเภทก็ยังไม่ควรย้ายเพราะต้นไม้อาจช็อค อย่างต้นไม้ประเภท evergreen คือเขียวทั้งปี สามารถย้ายได้เลย เช่นตะเคียนนา ชมพูพันทิพย์ แต่ถ้าเป็นต้นอินทนิล ต้องย้ายในฤดูที่เหมาะสม ต้นจำปีพิกุลต้องตัดแต่งรากก่อนที่จะย้าย จากประสบการณ์ ต้นตะขบย้ายยากที่สุด เพราะเป็นต้นไม้ที่มีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ถ้าเปลี่ยนสถานที่ต้นไม้อาจอ่อนแอและตายลงได้” สุนิทร์เล่าประสบการณ์ให้ฟัง
เมื่อดูจากกระบวนการย้ายต้นไม้ของทีมงาน Forest Rescue ที่มีความซับซ้อนและยุ่งยากไม่น้อย ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการขนย้ายต้นไม้ 1 ต้นจึงมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนบาท- 1.5 ล้านบาททีเดียว ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทางบริษัท แมคโนเลียได้ทุ่มงบประมาณถึง 70 ล้านเพื่อช่วยชีวิตต้นไม้ โดยเจ้าของต้นไม้ไม่ต้องเสียค่าใช้
ต้นไม้ที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด จะถูกส่งไปอยู่บ้านใหม่ในโครงการ THE FORESTIAS ถนนบางนา ซึ่งกันพื้นที่ใจกลางโครงการฯ 30 ไร่ ให้เป็นผืนป่าซึ่งประกอบไปด้วยไม้พื้นถิ่นดั้งเดิม , “กล้าไม้” ที่ซื้อจากชาวบ้านเพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกป่าและต้นไม้จากโครงการ Forest Rescue
“ต้นไม้ 30 ไร่นอกจากจะเพิ่มออกซเจนให้กับย่านบางนาแล้ว เป้าหมายคือเราอยากให้ป่านี้มีคุณค่าในการสื่อความหมาย คนมาป่าต้องได้ความรู้กลับไป ต้องได้ความรักกลับไป และรักป่ารักต้นไม้ให้มากขึ้น”
ในอีก 3 ปี เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ เจ้าของต้นไม้ในโครงการ Forest Rescue จะมีโอกาสเข้าไปทักทายต้นไม้ของตัวเอง โดยต้นไม้แต่ละต้นที่ได้รับการช่วยเหลือจะถูกติดป้ายบ่งบอกถึงที่อยู่เดิม เพื่อให้เจ้าของเดิมหรือประชาชนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมเยียน พักผ่อน หรือศึกษาระบบนิเวศธรรมชาติ ซึ่งจะเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะส่วนหนึ่งให้แก่ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
**สามารถดาวน์โหลดวิดีโอ Forest Rescue ได้ที่ https://youtu.be/2GuChdxK06s