ดอยตุงประกาศสงครามกับขยะ ปี 61 ต้อง Zero Waste

“ขยะ” ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เฉพาะคนในเมืองเท่านั้น แม้แต่บนพื้นที่สูง 1,200 เมตรอย่างดอยตุง ก็กำลังเผชิญกับปัญหาขยะล้นดอย วิกฤติของบ่อฝังกลบขยะกำลังจะเต็มกลายเป็นปัญหาของสวนรวมที่ทุกชุมชนต้องหันหน้ามาร่วมมือกันอย่างจริงจัง “โครงการจัดการขยะ” จึงเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยตั้งเป้าการลดขยะให้เป็น Zero Waste

ประชากรบนดอยตุงประกอบด้วย โครงการพัฒนาดอยตุง เทศบาลห้วยห้องไคร้ อบต.แม่ฟ้าหลวง ทั้ง 3 หน่วยงานนี้ผลิตขยะรวมกันวันละ 5 ตันหรือปีละ 2,000 ตัน เฉพาะโครงการดอยตุงผลิตขยะวันละ 200 -500 กิโลกรัม โดยขยะทั้ง 3 หน่วยงานจะนำมารวมกันที่บ่อฝังกลบซึ่งสร้างจากงบรัฐบาลเมื่อปี 2551 และขณะนี้หลุมฝังกลบขยะแห่งนี้กำลังจะเต็ม

การมองหาหลุมฝังกลบแห่งใหม่ ก็กำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของชุมชนเช่นกัน เพราะคงไม่มีใครอยากให้ชุมชนของตนเองมีขยะกองโตมาทิ้งไว้หน้าบ้านและส่งกลิ่นเหม็นไปทั้งชุมชน

กองขยะบางส่วนบนดอยตุง

ดังนั้น  มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ผู้บริหารดอยตุง จึงนำร่อง “โครงการจัดการขยะ” เพื่อเป็น “ต้นแบบ” ในการเผยแพร่การจัดการขยะที่เริ่มจากโครงการแม่ฟ้าหลวง เพื่อต่อยอดไปยังชุมชนอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายการทำให้ขยะเหลือศูนย์
Zero Waste การทำให้ขยะเหลือ “ศูนย์” คือไม่มีขยะที่จะต้องทิ้งอีกเลย เป็นไปได้หรือไม่ เป็นงานที่ท้าทาย

“ดร.แจ๊ค”ธนพงศ์ ดวงมณี วิศวกรสิ่งแวดล้อม ศูนย์การเรียนรู้และเผยแพร่การพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ที่ถูกส่งให้มาดูแลโครงการนี้ เพราะเขามีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการบำบัดน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลจากบ้านเรือน การเกษตรและอุตสาหกรรม, การบำบัดก๊าซชีวภาพ, พลังงานหมุนเวียน, การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่

“ดร.แจ๊ค”ธนพงศ์ ดวงมณี ผู้ดูแลโครงการฯกับภารกิจทำดอยตุงให้เป็น Zero Waste

ดร.แจ๊คเล่าว่า ก่อนจะมีโครงการนี้ก็มีความพยายามจัดการกับขยะมาหลายวิธีด้วยกัน แต่ทำอย่างไม่ต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาการเก็บขยะบนพื้นที่สูงคือ รถขยะไม่สามารถเข้าไปตามหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ลึกๆ ได้ ชาวบ้านหรือชาวเขาส่วนหนึ่งจึงต้องเผาขยะซึ่งก็กลายเป็นควันลอยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศทำลายสิ่งแวดล้อม

สำหรับโครงการนี้ เป็นการบริหารจัดการขยะของพื้นที่โครงการดอยตุงทั้งหมดที่มีพนักงาน 1,700 คน โดยมีเป้าหมายคือ จะต้องไม่มีขยะที่ใช้ประโยชน์ได้ถูกทิ้งในบ่อกำจัดขยะ  โดยเริ่มจากการทิ้งขยะให้ลงถังขยะที่แยกตามประเภทของขยะ  เริ่มจากการปลุกจิตสำนึกให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในโครงการฯหันมาใส่ใจเรื่องขยะ  การทิ้งขยะตามถังที่แยกประเภทและปลุกจิตสำนึกในเรื่องการรักสิ่งแวดล้อม ดร.แจ๊คขยายความว่า

ถังขยะโฉมใหม่ที่ Cafe Doi Tung ซึ่งเป็นรุ่นทดลองแยกแก้วต่าง ๆ น้ำแข็ง ภาชนะและเศษอาหาร

“ผมเคยบอกคนบนดอยว่า ถ้าคุณไม่แยกขยะ คนงานแยกขยะจะเหนื่อย โดยพาพวกเขามาดูงานและให้ลองแยกขยะดู ขยะ 1 ถุงจะต้องใช้เวลาแยกนานกว่า 10นาที แต่ถ้าเราแยกจากต้นทางเรียบร้อยจะลดเวลาการแยกขยะลงได้”

ขยะทั้งหมดของโครงการดอยตุงจะถูกนำมารวมกันอยู่ที่ “ศูนย์คัดแยกขยะ” ที่สร้างเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา และคัดแยกตามประเภท ดังนี้

-ขยะขายได้ หรือ ขยะรีไซเคิล เช่นขวดพลาสติก กระดาษ กระป๋อง ฯลฯ  จะมีคนมารับซื้อถึงบนดอย

-ขยะประเภทย่อยสลายได้ นำไปเพิ่มมูลค่า เช่นเศษอาหารนำไปเลี้ยงหมู ส่วนเศษอาหารที่เหลืออยู่ในที่ล้างจานนำไปเป็นอาหารเลี้ยงแมลงวันลาย ซึ่งเป็นหนอนที่มีโปรตีนสูง เมื่อหนอนแมลงวันเติบโตก็นำไปเลี้ยงไก่อีกต่อหนึ่ง เป็นการทดแทนอาหารสัตว์ได้ หรือผักสดที่ทิ้งจากครัวก็นำไปเลี้ยงไส้เดือน เพื่อนำมูลไส้เดือนมาทำปุ๋ยต่อไป

แม้กระทั่งเศษอาหารที่เหลือจากล้างจาน ยังสามารถนำไปเป็นอาหารของไส้เดือนเพื่อนำมูลมาทำปุ๋ย

ขยะอันตราย เช่น แบตเตอร์รี่ สีทาบ้าน เป็นต้น ซึ่งมีไม่มากนัก จะเก็บรวมกันเพื่อจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการขยะอันตรายมารับไปกำจัดตามกระบวนการที่ถูกต้อง

หลังจากเริ่มโครงการนี้มา 3 ปี ผลที่เกิดขึ้นคือ  สามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้ถึง 85 % ส่วนที่เหลืออีก 15 % ที่นำไปทิ้งใบบ่อฝังกลบคือ พลาสติกปนเปื้อนขยะที่ไม่มีใครรับซื้อ จึงต้องทิ้ง

แม้ว่าผลสำเร็จของโครงการจะขยับเข้าใกล้ Zero Waste ก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากพลาสติกปนเปื้อนขยะยังไม่สามารถกำจัดได้  ดร.แจ๊คเล่าถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า

ผักแปลงนี้ใช้ปุ๋ยจากมูลไส่เดือน ซึ่งได้จากการนำขยะเศษอาหารมาเลี้ยง

“ ปี 2561 เราตั้งป้าจะใกล้เคียง Zero Waste มากที่สุด คือพยายามจะไม่ให้มีขยะฝังกลบอีกเลย โดยตอนนี้โครงการฯ ได้ค้นพบนวัตกรรมเครื่องล้างขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนเศษอาหารจะถูกชะล้างจนสะอาด แล้วนำพลาสติกที่ได้ไปปั่นแห้ง แล้วนำมาอัดเป็นก้อน นำไปขายเพื่อนำไปทำเม็ดพลาสติกต่อไป ก็คงเหลือขยะที่ไม่สามารถกำจัดได้คือ ผ้าอนามัย และแพมเพิสซึ่งต้องทิ้ง สุดท้ายแล้วจะเหลือประมาณ 2 % ถือว่าเราเข้าใกล้ Zero Waste มากที่สุด ”

นอกจากนี้ในปี 2561 จะปรับปรุงพื้นที่ 2 ไร่ของศูนย์คัดแยกขยะ ให้เป็นอาคารบ้านดิน เพื่อใช้เป็นศูนย์อบรมที่สามารถจุคนที่เข้าอบรมเรื่องขยะได้ 50 คน และยังสามารถแปลงขยะให้กลายเป็นเงินที่นำกลับมาใช้บริหารจัดการศูนย์ได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงเลย

ศูนย์คัดแยกขยะซึ่งจะสร้างเสร็จต้นปี 2561 สามารถใช้อบรมผู้ที่สนใจเรื่องการคัดแยกขยะ

“ที่ศูนย์คัดแยกขยะเป็นธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อสิ่งแวดล้อม มีเจ้าหน้าที่ 4 คน ซึ่งจะต้องใช้เงินในการบริหารจัดการปีละ 4 แสนบาท เงินเหล่านี้ได้มาจากการขายขยะแห้ง ขายปุ๋ยจากมูลไส้เดือน เอาน้ำหมักจากฉี่ไส้เดือนมาปลูกผัก พอผักโตก็ขาย นำเศษใบไม้มาใช้เป็นวัสดุปลูกเห็ด และวิธีการอื่นๆ ”

ป้ายรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวซึ่งมาเที่ยวงานสีสันแห่งดอยตุงแยกขยะ

ภารกิจต่อไปของโครงการจัดการขยะคือ การเข้าไปช่วยชุมชนอื่นๆ ในเรื่องคัดแยกขยะอย่างจริงจัง , ดัดแปลงถังน้ำมันให้เป็นเตาเผาขยะแบบปิด เพื่อนำไปให้ชาวเขาในแต่ละหมู่บ้านใช้แทนการเผาแบบที่โล่งแจ้ง

ดร.แจ๊ค กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขยะเป็นปัญหาระดับชาติ ในอนาคตจะหาบ่อฝังกลบยากขึ้น และขยะที่ใส่ลงในบ่อฝังกลบจะเกิดก๊าซมีเทนซึ่งส่งผลทำให้โลกร้อนขึ้น เราจึงต้องลดปริมาณขยะลงและนำขยะมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด”

ข่าวเกี่ยวข้อง

เที่ยวกันเถอะ ! “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 4” เทศกาลสร้างชุมชนยั่งยืน

Stay Connected
Latest News