เด็กนักเรียนยิ้มรับ”โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ”ดีใจมีอาหารคุณภาพกิน

ทุก ๆ เช้าในช่วงนี้ เด็กนักเรียนโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก จะรีบตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษไปโรงเรียน เพื่อไปดูแม่ไก่ออกไข่จากโรงเลี้ยงไก่แห่งใหม่ที่มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ฯนำมามอบให้

คุณครูปกครองเล่าว่าการมีโรงเลี้ยงไก่ของโรงเรียนเอง จะทำให้เด็กนักเรียนได้รับประทานไข่สดที่สะอาดและมีคุณภาพ ส่วนเมนูไข่ที่เด็กนักเรียนอยากทานก็คือไข่เจียว ผัดซีอิ้วใส่ไข่ ข้าวผัดใส่ไข่และสุกี้ใส่ไข่

ในปีนี้โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเครือข่ายใน “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ซึ่งมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จัดทำโครงการนี้เพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการที่ดีให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศติดต่อกันเป็นปีที่20

เด็กนักเรียนโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี กำลังเดินเก็บไข่ในโรงเลี้ยงไก่ไข่ของโครงการฯ

โครงการฯในปีนี้ครอบคลุมโรงเรียนในพื้นที่ภาคเหนือ 25 โรงเรียน ภาคกลาง 8 โรงเรียน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 27 โรงเรียน และภาคใต้ 10 โรงเรียน พันธุ์ไก่ไข่รวม 11,000 ตัว อาหารสัตว์จำนวน 440,000 กิโลกรัม มูลค่ารวม 17 ล้านบาท เพื่อให้เด็กนักเรียน 16,700 คนได้รับโปรตีนคุณภาพดีจากไข่ไก่ และ ชุมชนใกล้เคียงได้บริโภคไข่สดราคาย่อมเยา

สำหรับพิธีส่งมอบโครงการฯจัดขึ้นที่โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก โดยมีตัวแทนของโรงเรียนเครือข่ายในโครงการฯ พร้อมด้วยผู้นำชุมชนและผู้บริหารซีพีเอฟร่วมโครงการในครั้ง นงนุช ชุมภูเทพ ผู้อำนวยการโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี กล่าวว่า

“โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ที่ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟโดยผ่านมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท จะทำให้นักเรียนได้บริโภคโปรตีนคุณภาพดีจากไข่ไก่ได้ 2-3 วันต่อสัปดาห์ เป็นการส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ลดภาวะทุพโภชนาการในเด็ก โดยโรงเรียนตั้งใจดำเนินการและบูรณาการสู่การเรียนการสอน ต่อยอดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะในการประกอบอาชีพ หลังจากที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงสัตว์และรับมอบโครงการแล้ว”

สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ กำลังทอดไข่เจียว ในพิธีส่งมอบโครงการฯ

โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ การทำบัญชีจากผลผลิตไข่ไก่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ ในอนาคตหลังจากที่จบการศึกษาไปแล้วสามารถนำไปประกอบอาชีพได้

ชุติเดช มีจันทร์ ปลัดจังหวัดตาก เชื่อว่าทุกโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนโครงการในครั้งนี้ จะนำไปพัฒนาและต่อยอดโครงการไปสู่การเป็นต้นแบบแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำ บริษัทให้ความสำคัญกับอาหารมั่นคงและการเข้าถึงอาหารภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” เพื่อให้คนไทยและผู้บริโภคทั่วโลกได้บริโภคอาหารปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้เด็กนักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ รวมไปถึงการแก้ปัญหาทุพโภชนาการของคนในประเทศ

เด็กนักเรียนโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี กำลังอร่อยกับเมนูไข่เจียว ซึ่งเป็นไข่ที่ได้จากโครงการฯ

“การรับผิดชอบต่อสังคมเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของบริษัท โดยเฉพาะการส่งมอบโครงการในวันนี้แก่ 70 โรงเรียน จะทำให้นักเรียน 16,700 คน ได้รับอาหารปลอดภัยและมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับโภชนาการของคนไทยอย่างยั่งยืน”

อภัยชนม์ วัชรสินธุ์ กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท กล่าวว่า กว่า 20 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯน้อมนำงานตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาสนับสนุนให้แก่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนทั่วประเทศ 660 แห่งเข้าร่วมโครงการฯ

สำหรับปี 2561 มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบทเปิดรับสมัครโรงเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาทั่วทุกภาคเข้าร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมายคัดเลือกโรงเรียนที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของโครงการจำนวน 90 โรงเรียน จากโรงเรียนที่สมัครเข้ามาทั้งหมด 200 กว่าโรงเรียน และมีเป้าหมายภายในปี 2564 จะมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนจำนวน 1,000 โรงเรียน

พิธีส่งมองโรงเลี้ยงไก่ไข่

ปัจจุบัน โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี มีนักเรียน 622 คน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่ง 80% ของจำนวนนักเรียนเป็นเด็กชาวเขาหลายชนเผ่า เช่น พม่า กะเหรี่ยง มอญ และม้งซึ่งคิดเป็น 50% ของทั้งหมด และส่วนใหญ่ผู้ปกครองมีฐานะยากจน ประกอบอาชีพด้านการเกษตร มีรายได้ไม่แน่นอน

Stay Connected
Latest News

ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ เดินหน้าองค์กรสู่ความยั่งยืนทุกมิติ ประกาศความสำเร็จ ติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป รวมกว่า 56,000 ตร.ม. ร่วมลดการใช้พลังงานของประเทศ พร้อมสร้างคุณค่าต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม